เข้มข้นสุดๆ "สุกิจ" ซัดกลับ..!! "แผน" ไม่ใช่สาระสำคัญ เหน็บแรง..เป็นพยานถูกจับคืออะไร?? ก่อนจี้!! กองปราบตอบความจริงสังคมให้ได้??

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณี ความคืบหน้าคดีแย่งชิงลอตเตอรี่รางวัลที่ 1 มูลค่า 30 ล้านบาท ระหว่าง ร.ต.ท.จรูญ วิมูล หรือ "ลุงจรูญ" ข้าราชการตำรวจเกษียณ กับนายปรีชา ใคร่ครวญ หรือ "ครูปรีชา" ครูชำนาญการพิเศษโรงเรียนเทพมงคลรังษี ล่าสุด มีรายงานข่าวแจ้งว่า ในวันนี้ เวลา 13.00 น.นายฐนุกร เหลืองใหม่เอี่ยม หรือ "แผน" ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้เห็น ร.ต.ท.จรูญ ก้มเก็บลอตเตอรี่ จะเดินทางไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อยื่นหนังสือถึง พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีดีเอสไอ ขอให้รับคดีหวยอลเวง 30 ล้าน เป็นคดีพิเศษ

จากกรณีดังกล่าวนั้น บนเฟซบุ๊กของ สุกิจ พูนศรีเกษม ได้โพสต์ข้อความ ถึงเรื่องดังกล่าวโดยระบุว่า คดีหวย 30 ล้าน 

กองบัญชาการสอบสวนกลางและกองบังคับการกองปราบ
“แจ้งข้อหา หมวดจรูญ. ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ และรับของโจร”คือสำนวนที่ 1
ส่วน. “กรณี รตทจรูญ แจ้งจับครูปรีชาฯ ในความผิดฐานแจ้งความเท็จนั้น”คือสำนวนที่2
สรุป ตำรวจแจ้งข้อหาทั้งสองฝ่าย
มีปัญหาที่จะต้องพิจารณาคือ นายแผน กระทำผิดฐานให้การเท็จหรือไม เห็นว่า

นายแผนได้เห็นว่าหมวดจรูญฯเก็บสลากกินแบ่งได้ 5 ใบ ตำรวจภูธรภาค 7 ก็นำมาสอบสวน แต่เมื่อนายแผนไม่ได้ระบุว่าสลากเจ้าปัญหาเป็นของใคร และหมายเลขใด
จะเห็นหรือเห็นคับคล้ายคับคา ก็หาเป็นไม่ใช่สารสำคัญแห่งคดี ทั้งนี้นายแผนไม่ได้ยืนยันข้อเท็จจริงว่าเป็นสลากที่ถูกรางวัลที่ 1 ‘
นายแผนจึงเป็นเพียงพยานบอกเล่า และเป็นพยานแวดล้อมที่เห็นหมวดจรูญเก็บสลากได้เท่านั้น แต่จะเป็นสลากหมายเลขใดนั้น นายแผนไม่ได้ยืนยัน
หากนำเขามาเป็นพยานแล้วไปจับเขาอีก ก็เป็นการสร้างมาตราฐานใหม่ คงไม่มีใครกล้าเป็นพยานแล้วตำรวจกองปราบต้องรับแจ้งคดีแจ้งความเท็จไม่หยุดหย่อน มาตราฐานทางกฏหมายต้องมี ไม่ใช่ให้ข่าวเพียงฝ่ายเดียว การแถลงข่าวนั้นต้องเกิดจากพยานหลักฐานเดิมเป็นอย่างไร และที่ได้หลักฐานใหม่เป็นอย่างไร ต้องตอบสังคมได้. นะครับ

ขอบคุณข้อความจาก สุกิจ พูนศรีเกษม