- 21 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
วันนี้ (21 มีนาคม 2561) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่วัดอินทาราม ต.พยุหะ อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ หลังมีรายงานว่า ที่วัดดังกล่าว ถูกกลุ่มขบวนการโจรใจบาป ขโมยพระพุทธรูป “หลวงพ่อเฒ่าแก้ว” ขนาดหน้าตัก 22 นิ้ว สูง 23 นิ้ว ซึ่งเป็นพระพุทธรูปที่อยู่คู่กับวัดมานานกว่า 200 ปี หายไป จนทำให้ชาวบ้านในพื้นที่เกิดความไม่พอใจเป็นอย่างมากจากการไปตรวจสอบ พบว่า พระพุทธรูปที่หายไป ไม่ได้มีแค่ “หลวงพ่อเฒ่าแก้ว” เพียงองค์เดียวเท่านั้น เนื่องจากยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่องค์อื่นๆ รวมถึงพระเครื่องบูชา ที่เก็บไว้ทั้งภายในวิหาร พิพิธภัณฑ์ และที่กุฏิ ถูกขโมยไปรวมกันไม่ต่ำกว่า 100 องค์ด้วย โดยพระที่หายไปเกือบทั้งหมดนั้น ถูกกลุ่มคนร้ายที่เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือพระลูกวัดร่วมมือกับกลุ่มบุคคลภายนอกหลายคน นำพระพุทธรูปใหม่เอี่ยม มาตั้งพรางตาไว้เพื่อไม่ให้พระและชาวบ้านที่มากราบไหว้เกิดความสงสัย จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 4 มีนาคม ที่ผ่านมา ทางพระครูนิยุตต์ ธรรมกิจ เจ้าอาวาสและกรรมการวัด เกิดสังเกตพบพิรุธว่าพระพุทธบางองค์มีสภาพใหม่ ประกอบกับพระลูกวัดที่ทำหน้าที่คอยดูแลได้หายตัวไปพร้อมกับหลวงพ่อเฒ่าแก้ว จนทำให้เกิดการตรวจสอบสิ่งที่หายไปทั้งหมดก่อนจะเดินทางเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พยุหะคีรี
แต่จนถึงขณะนี้ ยังไม่สามารถติดตามตัวพระที่ต้องสงสัยได้ ทำให้ชาวบ้านเกิดความไม่สบายใจ
จากการสอบถามนายประวิทย์ ภู่เกศ กรรมการวัด เปิดเผยว่า พระที่หายไปมีทั้งพระพุทธรูปและพระเครื่อง รวมกันมากกว่า 100 องค์ โดยเฉพาะ “หลวงพ่อเฒ่าแก้ว” ซึ่งเป็นพระอุปัชฌาย์ให้กับหลวงพ่อเดิม และเป็นเจ้าอาวาสวัดองค์แรก รวมถึงพระพุทธรูปเชียงแสน อายุ กว่า 100 ปี ที่ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธาอย่างมาก ได้หายไป จึงทำให้ทั้งทางวัดและกลุ่มชาวบ้านเกิดความไม่สบายใจเป็นอย่างมาก จึงต้องการอยากให้ทางเจ้าหน้าที่ติดตามจับตัวคนขโมยเพื่อนำพระมาคืนให้ได้โดยเร็วที่สุด ส่วนพฤติกรรมของคนร้าย พระทุกองค์และทางกรรมการวัด ต่างเชื่อว่า น่าจะเป็นฝีมือของพระเด่น พระลูกวัดที่อยู่จำพรรษาที่วัดมานานกว่า 8 พรรษา และได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ถือกุญแจ ดูแลทั้งวิหาร พิพิธภัณฑ์ และที่กุฏิ ได้ร่วมมือกับคนนอกเข้ามาขโมย เนื่องจากจะมีกลุ่มบุคคลที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ มาหาเป็นประจำ ซึ่งก็น่าจะมีการวางแผนและก่อเหตุขโมยในช่วงกลางดึก
โดยน่าจะใช้ระยะเวลาขโมยพระทั้งหมดมานานเป็นเดือน แล้วนำพระใหม่มาตั้งตบตา เพื่อไม่ให้ผิดสังเกต จนกระทั่ง สามารถขโมย “หลวงพ่อเฒ่าแก้ว” และพระพุทธรูปเชียงแสน ไปได้ จึงรีบหลบหนีนายประวิทย์ บอกว่า ที่รู้ตัวช้าว่ามีพระหายไป คงเป็นเพราะทางเจ้าอาวาสวัดและกรรมการไม่ค่อยได้เดินเข้าตรวจสอบบ่อยนัก เนื่องจากให้ความเชื่อใจพระเด่นที่อยู่กับวัดมานาน ประกอบกับ มีการติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้หลายจุดด้วย แต่สุดท้าย ก็ไม่คาดคิดว่า กลุ่มคนร้ายได้ตัดสายไฟกล้องวงจรปิดทุกตัว รวมถึงลบภาพที่บันทึกไว้ก่อนหน้านี้ทั้งหมด จึงเชื่อว่า น่าจะเป็นพระเด่นที่ร่วมมือเปิดทางให้คนนอกเข้ามาขโมยอย่างแน่นอน ส่วนการติดตามคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบมาว่า ได้มีการติดต่อทางโทรศัพท์ไปยังพระเด่น เพื่อเข้าให้ปากคำแล้ว ซึ่งพระเด่นก็มีการรับปากว่า จะเดินทางมาเข้าพบ แต่ก็ยังไร้วี่แววไม่มาปรากฏตัวแต่อย่างใด อีกทั้ง ก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก จึงทำให้พระและชาวบ้านทุกคนต่างพากันหวั่นเกรงว่าเรื่องจะเงียบ และไม่ได้ “หลวงพ่อเฒ่าแก้ว” กลับคืน
ภาพ/ข่าว รณกฤต วรณันวรกุล ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดนครสวรรค์