ซวยเพราะปาก! นายกฯ งัด ม.44 เด้ง สมชัย ปากกล้าวาทะพาซวย พ้นเก้าอี้ กกต. มีผลทันที ชี้พฤติกรรมไม่เหมาะสม (คลิป)

ซวยเพราะปาก! นายกฯ งัด ม.44 เด้ง สมชัย ปากกล้าวาทะพาซวย พ้นเก้าอี้ กกต. มีผลทันที ชี้พฤติกรรมไม่เหมาะสม (คลิป)

เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 4/2561 เรื่อง ให้กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่
ด้วยนายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต. มีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ในกรณีการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงความเห็นของตนเกี่ยวกับกระบวนการและกำหนดการการเลือกตั้งด้วยถ้อยคำที่ไม่สมควร ก่อให้เกิดความสับสน เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงานของกกต.และการจัดการการเลือกตั้งให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี
ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงด้วยว่า นายสมชัย ได้สมัครเข้ารับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต. โดยไม่ได้ลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่กกต.ก่อน ซึ่งถือเป็นการกระทำที่เข้าข่ายขัดกันแห่งผลประโยชน์ เนื่องจากตนเองเป็นผู้มีส่วนได้เสียในเรื่องดังกล่าวโดยตรง และจะส่งผลต่อความถูกต้องและเป็นธรรมในการคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสม มาดำรงตำแหน่งเลขาธิการกกต. จึงไม่สมควรให้นายสมชัย ปฏิบัติหน้าที่กกต.ต่อไป เพื่อให้การดำเนินการเรียบร้อย โปร่งใส และเป็นธรรมแก่ผู้สมัครรายอื่นๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญ
นอกจากนี้ปัจจุบันอยู่ระหว่างการสรรหาบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสม เพื่อแต่งตั้งเป็นกกต. จึงมีความจำเป็นต้องกำหนดให้ประธานหรือกรรมการ กกต. ที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในวันก่อนวันที่คำสั่งนี้มีผลใช้บังคับยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไป
เพื่อให้การปฏิบัติหน้าที่ของกกต.เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และไม่กระทบต่อการเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้น อันจะเป็นประโยชน์ต่อการรักษาความสงบและบริหารจัดการการเลือกตั้งให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อประโยชน์ในการปฏิรูปองค์กรตามรัฐธรรมนูญภายใต้รัฐธรรมนูญ

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 265 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 44ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 หัวหน้าคสช. โดยความเห็นชอบของคสช.จึงมีคำสั่ง ดังนี้ ให้นายสมชัย ยุติการอยู่ปฏิบัติหน้าที่กกต. ตั้งแต่วันที่คำสั่งนี้ใช้บังคับเป็นต้นไป
ในกรณีที่ผู้ซึ่งอยู่ปฏิบัติหน้าที่ประธานหรือกรรมการกกต. ตามมาตรา 70 วรรคหนึ่ง แห่งพ.ร.บ.ว่าด้วยกกต. 2560 มีอายุครบ 70 ปี ให้ผู้นั้นยังคงอยู่ในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าว ต่อไปจนกว่าประธานและกรรมการกกต. ที่แต่งตั้งขึ้นใหม่จะเข้ารับหน้าที่ บทบัญญัติตามวรรคหนึ่งให้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของบทเฉพาะกาลตามพ.ร.ฐ.ว่าด้วยกกต. 2530

โดยคำสั่งนี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
สั่งวันที่ 20 มี.ค.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคสช.

หลังจากที่มีคำสั่งดังกล่าว นายสมชัย ได้ออกมาสวนทันควัน โดยระบุ ผ่านทางเฟสบุ๊ค ว่า “รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้เปิดหน้าคสช.”

ต่อมานายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าว โดยวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ทำให้ ถูกเด้งพ้นตำแหน่ง น่าจะเป็นเพราะเป็นคนที่ให้ข้อมูลกับสาธารณะแบบ ตรงไปตรงมา ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจผู้มีอำนาจในบ้านเมือง

"กรณีที่นายกฯเคยถามว่า คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดได้หรือไม่ ผมก็ตอบว่าไม่ได้ ถ้าทำในฐานะบุคคลอาจได้ แต่ถ้าทำในฐานะที่ คสช.เป็นองค์อำนาจก็ไม่เหมาะสม เพราะอาจจะทำให้เกิดความไม่ธรรม เป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา แต่อาจสร้างความไม่พอใจกับผู้มีอำนาจ"


นายสมชัย กล่าวต่อว่า อีกกรณีที่เขาให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาคือ เรื่องที่จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งฝ่ายผู้มีอำนาจบอกว่าไม่กระทบกับโรดแม็พเลือกตั้ง แต่เขายืนยันว่ากระทบแน่นอน

ถามว่าการถูกเด้งถือว่าเกินความคาดหมายหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า "เฉยๆ ก็รู้อยู่ว่าผู้มีอำนาจอาจมีความรู้สึกไม่ดีต่อเราอยู่นานแล้ว ซึ่งเขาก็สามารถทำได้ เป็นอำนาจของผู้มีอำนาจ เราก็ต้องยอมรับคำสั่ง ผมคงไม่ไปร้องอะไรที่ไหน ถือว่ายุติบทบาทในฐานะ กกต.แล้ว ต่อไปก็ไปหางานที่สามารถใช้ความสามารถและประสบการณ์ที่มี"

"ผมไม่เสียใจ การทำงานตรงนี้เราก็ต้องยืนบนหลักการที่ถูกต้อง แต่ถ้าไปทำให้อีกฝ่ายหรือผู้มีอำนาจรับไม่ได้และใช้อำนาจ เขาก็ทำได้ แต่สังคมจะดูเองว่าการใช้อำนาจของเขาถูกต้องเหมาะสมหรือไม่"

ถามถึงกรณีที่สมัครเป็นเลขาธิการ กกต. นายสมชัย กล่าวว่า "ก็ต้องทำใจว่าคงได้ยาก เพราะ กกต. 4 ท่านที่เหลือคงไม่กล้าตัดสินใจขัดกับผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ฉะนั้นก็ต้องทำใจ"

นายสมชัย กล่าวว่า พรุ่งนี้จะเข้าไปเก็บของ และคงใช้เวลาเก็บของ 2-3 วัน
ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. กระทบกับโรดแมปเลือกตั้ง หรือไม่ ที่สนช.เพิ่งลงมติเห็นชอบตามการปรับแก้ ของกมธ.ร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความ ซึ่งที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์เองก็ได้ออกมายืนยันว่าการเลือกตั้งดำเนินไปตามโรดแมปก็ตาม

อีกทั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯได้ออกมายอมรับว่า การยื่นตีความกฎหมายลูกอาจทำให้เกิดความล่าช้าบ้าง แต่จะไม่กระทบต่อโรดแม็ปใหญ่ เนื่องจากกำหนดจัดเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2562

ทางด้านนายสมชัยเอง ได้ออกมาแสดงความเห็นแย้ง โดยระบุว่า ใครบอกยื่นตีความร่างกฎหมายลูกหมวดเลือกตั้งแล้วไม่กระทบโรดแม็ป ให้ไปเรียนบวกเลขกันใหม่
เนื่องจากการยื่นให้ศาลตีความทำให้ต้องทดเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน เป็นการเผื่อเวลาวินิจฉัยของศาลเดือนครึ่ง และนำกลับไปแก้ไขหลังศาลวินิจฉัยอีกครึ่งเดือน
แปลความตรงตัวได้ว่า การเลือกตั้งจะเคลื่อนจากโรดแม็ปอีก 2 เดือน จากกุมภาพันธ์ 2562 เป็นเมษายน 2562

นายสมชัยระบุด้วยว่า ตามวรรคสาม มาตรา 148 ของรัฐธรรมนูญ เขียนว่า
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายนั้น มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญ ให้ร่างกฎหมายนั้นเป็น อันตกไป
ถ้าดูจากประเด็นที่นายมีชัยทักท้วงเกี่ยวกับวิธีการได้มาซึ่งส.ว. ก็ต้องถือเป็นสาระสำคัญ
หากส่งตีความแล้วศาลเห็นว่าขัดหลักรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องกลับไปยกร่างพ.ร.ป.การได้มาซึ่งส.ว.ใหม่ ทั้งฉบับ
นั่นหมายความว่าต้องใช้เวลายืดไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งจะกระทบต่อการเลือกตั้งส.ส.ด้วย เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าต้องเลือกส.ว.ให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งส.ส.

ทั้งนี้ นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ พิเศษ กับทาง “the101 world ” ตอนหนึ่งระบุว่า..

เมื่อถามว่า..วินาทีนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งอะไรท้าทาย กกต. มากที่สุด อะไรที่คุณครุ่นคิดมากที่สุด
นายสมชัยตอบว่า การเซ็ตซีโร่ทำให้ทุกอย่างนิ่งและไม่มีใครตั้งใจทำงาน แม้ผมจะตั้งใจทำงานแต่ก็ไม่มีใครเอากับผมด้วย แล้วก็ทุกคนสติแตกหมดแล้ว ทุกคนเตรียมตัวหยุดงานหมดแล้ว ดังนั้นการเซ็ตซีโร่คือการตัดสินใจที่ผิดที่สุด

เอาๆ ง่ายคือถ้าผมจะครีเอทอะไรใหม่ๆ ผมจะครีเอททำไม มันเป็นเรื่องของใจที่มันไม่ไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เหมือนกันหลายเรื่องเขาก็จะรอชุดใหม่เข้ามาก่อน แล้วการเตรียมการเลือกตั้งให้ดีในอนาคตเป็นแค่การเตรียมวันเลือกตั้งให้เสร็จเท่านั้นเอง ไม่ใช่เตรียมให้ดี ปัญหาคือคุณคิดผิดตั้งแต่เริ่มต้นที่คิดว่าคนใหม่มาจะทำงานได้ดีกว่าคนเก่าเลยทันที
“จริงๆ แล้ว เขาอาจจะต้องการเอาผมออกคนเดียว แต่ไม่รู้จะเอาออกอย่างไร”
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ กกต.ถูกเซตซีโร่ “สมชัย” กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. รวมถึง มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ บ่อยครั้ง ก็ต้องติดตามต่อไปเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร

หลังจากที่มีคำสั่งดังกล่าว นายสมชัย ได้ออกมาสวนทันควัน โดยระบุ ผ่านทางเฟสบุ๊ค ว่า “รู้สึกเป็นเกียรติยิ่งที่ได้เปิดหน้าคสช.”

ต่อมานายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์กรณีดังกล่าว โดยวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่ทำให้ ถูกเด้งพ้นตำแหน่ง น่าจะเป็นเพราะเป็นคนที่ให้ข้อมูลกับสาธารณะแบบ ตรงไปตรงมา ซึ่งอาจจะไม่ถูกใจผู้มีอำนาจในบ้านเมือง

"กรณีที่นายกฯเคยถามว่า คสช.จะสนับสนุนพรรคการเมืองใดได้หรือไม่ ผมก็ตอบว่าไม่ได้ ถ้าทำในฐานะบุคคลอาจได้ แต่ถ้าทำในฐานะที่ คสช.เป็นองค์อำนาจก็ไม่เหมาะสม เพราะอาจจะทำให้เกิดความไม่ธรรม เป็นคำตอบที่ตรงไปตรงมา แต่อาจสร้างความไม่พอใจกับผู้มีอำนาจ"


นายสมชัย กล่าวต่อว่า อีกกรณีที่เขาให้ความเห็นอย่างตรงไปตรงมาคือ เรื่องที่จะมีการยื่นศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งฝ่ายผู้มีอำนาจบอกว่าไม่กระทบกับโรดแม็พเลือกตั้ง แต่เขายืนยันว่ากระทบแน่นอน

ถามว่าการถูกเด้งถือว่าเกินความคาดหมายหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า "เฉยๆ ก็รู้อยู่ว่าผู้มีอำนาจอาจมีความรู้สึกไม่ดีต่อเราอยู่นานแล้ว ซึ่งเขาก็สามารถทำได้ เป็นอำนาจของผู้มีอำนาจ เราก็ต้องยอมรับคำสั่ง ผมคงไม่ไปร้องอะไรที่ไหน ถือว่ายุติบทบาทในฐานะ กกต.แล้ว ต่อไปก็ไปหางานที่สามารถใช้ความสามารถและประสบการณ์ที่มี"

"ผมไม่เสียใจ การทำงานตรงนี้เราก็ต้องยืนบนหลักการที่ถูกต้อง แต่ถ้าไปทำให้อีกฝ่ายหรือผู้มีอำนาจรับไม่ได้และใช้อำนาจ เขาก็ทำได้ แต่สังคมจะดูเองว่าการใช้อำนาจของเขาถูกต้องเหมาะสมหรือไม่"

ถามถึงกรณีที่สมัครเป็นเลขาธิการ กกต. นายสมชัย กล่าวว่า "ก็ต้องทำใจว่าคงได้ยาก เพราะ กกต. 4 ท่านที่เหลือคงไม่กล้าตัดสินใจขัดกับผู้มีอำนาจในบ้านเมือง ฉะนั้นก็ต้องทำใจ"

นายสมชัย กล่าวว่า พรุ่งนี้จะเข้าไปเก็บของ และคงใช้เวลาเก็บของ 2-3 วัน
ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว. กระทบกับโรดแมปเลือกตั้ง หรือไม่ ที่สนช.เพิ่งลงมติเห็นชอบตามการปรับแก้ ของกมธ.ร่วม 3 ฝ่าย เพื่อพิจารณาส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตีความ ซึ่งที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์เองก็ได้ออกมายืนยันว่าการเลือกตั้งดำเนินไปตามโรดแมปก็ตาม

อีกทั้งนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯได้ออกมายอมรับว่า การยื่นตีความกฎหมายลูกอาจทำให้เกิดความล่าช้าบ้าง แต่จะไม่กระทบต่อโรดแม็ปใหญ่ เนื่องจากกำหนดจัดเลือกตั้งกุมภาพันธ์ 2562

ทางด้านนายสมชัยเอง ได้ออกมาแสดงความเห็นแย้ง โดยระบุว่า ใครบอกยื่นตีความร่างกฎหมายลูกหมวดเลือกตั้งแล้วไม่กระทบโรดแม็ป ให้ไปเรียนบวกเลขกันใหม่
เนื่องจากการยื่นให้ศาลตีความทำให้ต้องทดเวลาเพิ่มอีก 2 เดือน เป็นการเผื่อเวลาวินิจฉัยของศาลเดือนครึ่ง และนำกลับไปแก้ไขหลังศาลวินิจฉัยอีกครึ่งเดือน
แปลความตรงตัวได้ว่า การเลือกตั้งจะเคลื่อนจากโรดแม็ปอีก 2 เดือน จากกุมภาพันธ์ 2562 เป็นเมษายน 2562

นายสมชัยระบุด้วยว่า ตามวรรคสาม มาตรา 148 ของรัฐธรรมนูญ เขียนว่า
หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าร่างกฎหมายนั้น มีข้อความขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และข้อความดังกล่าวเป็นสาระสำคัญ ให้ร่างกฎหมายนั้นเป็น อันตกไป
ถ้าดูจากประเด็นที่นายมีชัยทักท้วงเกี่ยวกับวิธีการได้มาซึ่งส.ว. ก็ต้องถือเป็นสาระสำคัญ
หากส่งตีความแล้วศาลเห็นว่าขัดหลักรัฐธรรมนูญ ก็จะต้องกลับไปยกร่างพ.ร.ป.การได้มาซึ่งส.ว.ใหม่ ทั้งฉบับ
นั่นหมายความว่าต้องใช้เวลายืดไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน ซึ่งจะกระทบต่อการเลือกตั้งส.ส.ด้วย เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าต้องเลือกส.ว.ให้เสร็จก่อนการเลือกตั้งส.ส.

ทั้งนี้ นายสมชัย ได้ให้สัมภาษณ์ พิเศษ กับทาง “the101 world ” ตอนหนึ่งระบุว่า..

เมื่อถามว่า..วินาทีนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้งอะไรท้าทาย กกต. มากที่สุด อะไรที่คุณครุ่นคิดมากที่สุด
นายสมชัยตอบว่า การเซ็ตซีโร่ทำให้ทุกอย่างนิ่งและไม่มีใครตั้งใจทำงาน แม้ผมจะตั้งใจทำงานแต่ก็ไม่มีใครเอากับผมด้วย แล้วก็ทุกคนสติแตกหมดแล้ว ทุกคนเตรียมตัวหยุดงานหมดแล้ว ดังนั้นการเซ็ตซีโร่คือการตัดสินใจที่ผิดที่สุด

เอาๆ ง่ายคือถ้าผมจะครีเอทอะไรใหม่ๆ ผมจะครีเอททำไม มันเป็นเรื่องของใจที่มันไม่ไปแล้ว เจ้าหน้าที่ก็เหมือนกันหลายเรื่องเขาก็จะรอชุดใหม่เข้ามาก่อน แล้วการเตรียมการเลือกตั้งให้ดีในอนาคตเป็นแค่การเตรียมวันเลือกตั้งให้เสร็จเท่านั้นเอง ไม่ใช่เตรียมให้ดี ปัญหาคือคุณคิดผิดตั้งแต่เริ่มต้นที่คิดว่าคนใหม่มาจะทำงานได้ดีกว่าคนเก่าเลยทันที
“จริงๆ แล้ว เขาอาจจะต้องการเอาผมออกคนเดียว แต่ไม่รู้จะเอาออกอย่างไร”
อย่างไรก็ตามตั้งแต่ กกต.ถูกเซตซีโร่ “สมชัย” กลายเป็นไม้เบื่อไม้เมากับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. รวมถึง มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ บ่อยครั้ง ก็ต้องติดตามต่อไปเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร