ปริศนาคาใจ..น้ำพระทัยพระเจ้าเสือ!! ทรงเป็น "กษัตริย์ผู้โหดร้าย" และ "ถูกประนาม" มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือแท้จริงแล้ว..ทรงปิดทองหลังพระ?!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ปริศนาคาใจ..น้ำพระทัยพระเจ้าเสือ!! ทรงเป็น "กษัตริย์ผู้โหดร้าย" และ "ถูกประนาม" มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือแท้จริงแล้ว..ทรงปิดทองหลังพระ?!

 

          จากกระแสอันโด่งดังของละคร บุพเพสันนิวาส ที่เป็นที่สนใจกันอย่างมากในสังคมขณะนี้ ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าสนใจสอดแทรกความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เป็นความรู้ให้คนรุ่นหลังได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะตัวละครที่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ และเป็นตัวละครสำคัญ ที่มีบทบาทหน้าที่ที่สำคัญ บางตัวละครเป็นถึงพระเจ้าแผ่นดิน เช่น สมเด็จพระนารายณ์มหาราช สมเด็จพระเพทราชา และสมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ ทั้งนี้เนื้อรเองของในละคร ในขณะนี้เป็นเรื่องของภายในราชสำนัก มีฉากที่หลวงสรศักดิ์ เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในยุคนั้น แต่หลายคนอาจจะยังไม่เคยรู้มาก่อน ว่า แท้จริงแล้วหลวงสรศักดิ์ที่ปรากฏอยู่ในละครนั้น ต่อมาก็คือ พระมหากษัตริย์ที่โด่งดังพระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย นั่นก็คือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ หรือ พระเจ้าเสือ นั่นเอง

 

         

ปริศนาคาใจ..น้ำพระทัยพระเจ้าเสือ!! ทรงเป็น "กษัตริย์ผู้โหดร้าย" และ "ถูกประนาม" มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือแท้จริงแล้ว..ทรงปิดทองหลังพระ?!

 

          สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ ๘ หรือ พระเจ้าเสือ  มีพระราชโอรส ๒ พระองค์ คือ เจ้าฟ้าเพชร (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวท้ายสระ) และเจ้าฟ้าพร (สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ) มีพระสมัญญานามว่า "เสือ" ตั้งแต่สมัยที่ยังดำรงตำแหน่งเป็น หลวงสรศักดิ์ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชมาแล้ว

           พระองค์ทรงมีความเด็ดขาดในการมีรับสั่งให้ผู้ที่ปฏิบัติงานใดต้องสำเร็จผลเป็นอย่างดี หากบกพร่องพระองค์จะมีรับสั่งให้ลงโทษ ไม่เฉพาะข้าราชบริพารเท่านั้น แม้พระราชโอรสทั้งสองก็เช่นกัน อย่างเช่น ในการเสด็จไปคล้องช้างที่เมืองนครสวรรค์ มีรับสั่งให้เจ้าฟ้าเพชรและเจ้าฟ้าพรตัดถนนข้ามบึงหูกวาง โดยถมบึงส่วนหนึ่งให้เสร็จภายในหนึ่งคืน พระราชโอรสดำเนินงานเสร็จตามกำหนด แต่เมื่อเสด็จพระราชดำเนิน ช้างทรงตกหลุม ทรงลงพระราชอาญาเจ้าฟ้าเพชร แต่ภายหลังก็ได้รับพระราชทานอภัยโทษ ด้วยนิสัยที่มีความเด้ดขาดของพระองค์ จึงทำให้เป็นที่เกรงกลัวต่อพสกนิกรรวมไปถึงข้าราชบริพารเป็นอย่างมาก แต่ในอีกมุมหนึ่ง พระองค์ทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก ทรงปฏิสังขรณ์วัดมากมายในสมัยของพระองค์ 

          พระองค์ทรงปฏิสังขรณ์มณฑปสวมรอยพระพุทธบาทสระบุรี สร้างมาแต่ครั้งสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งทำเป็นยอดเดียวชำรุด โปรดฯ ให้สร้างใหม่เป็น ๕ ยอด รวมทั้งปฏิสังขรณ์ทั่วทั้งอาราม ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๒๔๙ เกิดอัสนีบาตต้องยอดมณฑปพระมงคลบพิตร เครื่องบนมณฑป ทรุดโทรมพังลงมาต้องพระศอพระมงคลบพิตรหัก โปรดฯ ให้รื้อเครื่องบนออก ก่อสร้างใหม่แปลงเป็นมหาวิหาร และพระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์พระองค์แรกที่เสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธฉายและสันนิษฐานว่าค้นพบในสมัยพระองค์

 

ปริศนาคาใจ..น้ำพระทัยพระเจ้าเสือ!! ทรงเป็น "กษัตริย์ผู้โหดร้าย" และ "ถูกประนาม" มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือแท้จริงแล้ว..ทรงปิดทองหลังพระ?!

 

            นอกจากนี้พระราชกรณียกิจที่สำคัญอันเกี่ยวเนื่องเมืองพิจิตร เพื่อเป็นการรำลึกถึงชาติภูมิของพระองค์สมเด็จพระเจ้าเสือได้โปรดให้สร้างวัดโพธิ์ประทับช้างขึ้นที่เมืองพิจิตร โดยสร้างพระอุโบสถ พระวิหาร พระมหาเจดีย์ ศาลาการเปรียญ และกุฏิสงฆ์ มีอาณาบริเวณวัดกว้างขวางใหญ่โต ใช้เวลาสร้าง ๒ ปี จึงสำเร็จ เสด็จพระราชดำเนินมาทำการฉลองด้วยพระองค์เอง มีการฉลอง สามวันสามคืน มีมหรสพครึกครื้น และมีผู้คนมากมายมาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทและ ดูมหรสพ ฉลองเสร็จแล้วทรงพระราชอุทิศถวายเลขข้าพระไว้สำหรับอุปฐากพระอารามถึง ๒๐๐ ครัวเรือน นับว่าครั้งนั้นวัดโพธิ์ประทับช้างเป็นวัดที่เด่นที่สุดในเมืองพิจิตร

            สมเด็จพระเจ้าเสือทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา โปรดฯ ให้สมเด็จเจ้าแตงโม (พระสุวรรณมุนี) เป็นพระอาจารย์สอนวิชาความรู้แก่พระราชโอรสและพระราชนัดดา ทรงไม่พอพระทัยที่เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ ฝรั่งคนโปรดของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช จึงทรงโปรดการลาสิกขาของพระภิกษุเพื่อออกมารับราชการ ในรัชสมัยมีพระภิกษุชอบด้วยการนี้เป็นจำนวนมาก

ปริศนาคาใจ..น้ำพระทัยพระเจ้าเสือ!! ทรงเป็น "กษัตริย์ผู้โหดร้าย" และ "ถูกประนาม" มากที่สุดในประวัติศาสตร์ หรือแท้จริงแล้ว..ทรงปิดทองหลังพระ?!

 

           หากกล่าวถึงความขัดแย้งของพระเจ้าเสือและเจ้าพระยาวิชาเยนทร์แล้ว มีครั้งหนึ่งเมื่อครั้งพระเจ้าเสือยังทรงมียศเป็นหลวงสรศักดิ์เคยทะเลาะวิวาทกับเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เหตุที่หลวงสรศักดิ์ทะเลาะวิวาทกับเจ้าพระยาวิชชเยนทร์นั้น หนังสือเล่มหนึ่งได้กล่าวว่า เนื่องมาจากเจ้าพระยาวิชชเยนทร์ซึ่งมีอำนาจมาก พยายามเผยแผ่ศาสนาของตนไปด้วย ถึงขนาดกราบทูลพระเจ้าแผ่นดินให้ทรงเปลี่ยนศาสนามาแล้วแต่พระองค์ได้ทรงปฏิเสธ มาครั้งนี้ได้สั่งให้พระภิกษุสามเณรละจากสมณเพศ หลวงสรศักดิ์เห็นว่าเป็นการหมิ่นพระพุทธศาสนา เมื่อสบโอกาสจึงต่อยหน้าพระยาวิชชเยนทร์แล้วรีบไปเล่าเรื่องราวให้เจ้าแม่วัดดุสิตฟังแล้วขอให้พามาขอพระราชทานอภัยโทษให้ ฝ่ายเจ้าพระยาวิชชเยนทร์ก็เข้าเฝ้าสมเด็จพระนารายณ์ ฟ้องว่าหลวงสรศักดิ์ต่อยเอา เมื่อเจ้าแม่วัดดุสิตพาหลวงสรศักดิ์เข้าเฝ้าพร้อมขอพระราชทานอภัยโทษ พระองค์ก็ทรงพระราชทานตามคำขอด้วยความเคารพเจ้าแม่วัดดุสิต โดยพระราชทานรางวัลแก่เจ้าพระยาวิชชเยนทร์เป็นการปลอบขวัญ

 

 

อ่านข่าวเพิ่มเติมได้ที่ ทะเลาะกันถึงขึ้นต่อยปาก!! "หลวงสรศักดิ์ชกปากพระยาวิชชเยนทร์" มูลเหตุเพราะจาบจ้วงศาสนา ความขัดแย้งที่นำไปสู่ความตายของเจ้าพระยาวิชชเยนทร์!!

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : https://th.wikipedia.org/wiki/สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่_8