แถลงใหญ่!!! ตรวจคนเข้าเมือง โชว์เหนือ จับกุมชาวรัสเซียสวมหน้ากาก ปล้น ทรัพย์ ใช้ป้ายทะเบียนปลอมโจรกรรม ก่อความเสียหายต่อไทย(คลิป)

ตามนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พลตำรวจเอก จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้ปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติที่เข้ามาก่ออาชญากรรมในประเทศไทย ตลอดจนบุคคลต่างด้าวที่หลบหนีการกระทำความผิดมาพำนักอยู่ในประเทศไทย เป็นภัยต่อความมั่นคงและชื่อเสียงของประเทศชาติ โดยสั่งการให้ดำเนินคดีถึงที่สุด หรือดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตอยู่ในราชอาณาจักร หากพบว่ามีพฤติการณ์เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามเข้าราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.๒๕๒๒ โดยให้ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม และเพื่อเป็นการสร้างพื้นฐานความร่วมมือต่างตอบแทนระหว่างกัน ในการติดตามจับกุมคนร้ายหนีคดีระหว่างประเทศ

ภายใต้การอำนวยการของ พลตำรวจเอกศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร.(มค), พลตำรวจโท สุทธิพงษ์ วงษ์ปิ่น ผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง, พลตำรวจตรี อิทธิพล อิทธิสารรณชัย รองผู้บัญชาการ สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(ปป) และ พลตำรวจตรี ชูฉัตร ธารีฉัตร ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พร้อมด้วย พลตำรวจตรี กิตติกร บุญสม ผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๔ และ พันตำรวจเอก พัลลภ สุริยกุล ณ อยุธยา รองผู้บังคับการตรวจคนเข้าเมือง ๔ เร่งรัดการดำเนินการจนเป็นผลสัมฤทธิ์ และนำผลการปฏิบัติมาแถลงผลในวันนี้  ๒๓ มี.ค.๖๑

บก.สส.สตม.ได้ร่วมกันควบคุมตัว นายรุสตัม อับดูรัคมานอฟ อายุ ๓๕ ปี สัญชาติรัสเซีย ได้ที่ บริเวณ ถ.สุรวงษ์ แขวง/เขตบางรัก กทม. สืบเนื่องจาก สตม.ได้รับการประสานขอความร่วมมือจาก สอท.รัสเซีย ประจำประเทศไทย ขอให้ช่วยติดตามตัวนายรุสตัมฯ เนื่องจากนายรุสตัมฯ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลประเทศรัสเซียในความผิดเกี่ยวกับการปล้นอาวุธปืน, การใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ปลอม, การโจรกรรมหรือก่อความเสียหายกับเอกสาร โดยพฤติการณ์คือ เมื่อช่วง ธ.ค.๕๗ – เม.ย.๕๘ นายรุสตัมฯ เป็นหัวหน้าแก๊งปล้นทรัพย์โดยใช้อาวุธ ซึ่ง นายรุสตัมฯ กับพวกเคยปล้นทรัพย์โดยการสวมหน้ากาก ใช้มีด,กุญแจมือ และอาวุธปืนสงครามปลอม เข้าปล้นทรัพย์จากผู้เสียหาย อีกทั้งยังใช้รถยนต์ที่ติดแผ่นป้ายทะเบียนปลอมเป็นพาหนะในการก่อเหตุด้วย โดยมีการก่อเหตุมาแล้ว ๓ ครั้ง รวมความเสียหายประมาณ ๒,๑๐๘,๓๐๔ รูเบิลรัสเซีย หรือประมาณ ๑,๒๐๐,๐๐๐ บาท แล้วได้หลบหนีออกนอกประเทศไปยังประเทศเกาหลีใต้ แล้วเดินทางเข้ามาหลบซ่อนตัวอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค.๕๙ ทั้งนี้ สตม.ได้ดำเนินการเพิกถอนการอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และดำเนินการส่งกลับประเทศรัสเซียต่อไป