- 25 มี.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ในจังหวัดแพร่ มีสวนป่าเศรษฐกิจขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.)มากกว่า 20,000 ไร่ มีแปลงปลูกเพื่อตัดจำหน่ายทยอยได้กว่า 30 แปลงสามารถจำหน่ายท่อนซุงไม้สักสร้างรายได้อย่างมหาศาลหมุนเวียงได้ในรอบ 30 ปี แต่พบว่า สวนป่าในหลายแห่งของจังหวัดแพร่ มีการลักลอบตัดไม้นอกระบบ โดยเฉพาะที่สวนป่าสรอย ที่ทำการตั้งอยู่ในหมู่ 14 บ้านสวนป่าสรอย ตำบลแม่พุง อ.วังชิ้น จ.แพร่ มีแนวเขตสวนป่าอยู่ใน ต.แม่พุง ต.สรอย ต.วังชิ้น เป็นต้น เป็นโครงการที่ 2 สัมปทานป่าไม้ในประเภทป่าบก มีพื้นที่อยู่ในแนวเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สรอย ปลูกสร้างสวนป่ามาตั้งแต่ปี 2521 แบ่งออกเป็นแปลงย่อยๆ จำนวน 10 แปลงมีแนวเขตสัมปทานปลูกไปแล้วกว่า 10,000 ไร่ พื้นที่ที่มีผลรายได้ทางเศรษฐกิจมากถึง 8,799 ไร่ พื้นที่เหล่านี้ ชาวบ้านใน ต.แม่พุง ยื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดแพร่ ในวันที่ 23 มีนาคม 2561ที่ผ่านมา ให้มีการตรวจสอบการทำไม้นอกระบบ ทำให้รัฐต้องสูญเสียรายได้และภาษีอากรจำนวนมหาศาล ซึ่งนำไปสู่สภาวะขาดทุนขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า การตัดไม้สักสวนป่าสรอยในรูปแบบไม้เถื่อนโดยเจ้าหน้าที่ร่วมมือหรือรู้เห็นหรือรับผลประโยชน์ร่วมกับข้าราชการบางหน่วยในอำเภอวังชิ้น ทำการตัดไม้นำไปรวมหมอน เป็นพื้นที่วางไม้ซุงเถื่อนทางผืนป่าฝั่งตะวันตก และตัดมากในแนวเขตริมแม่น้ำยมจนสภาพสวนป่าเสื่อมโทรมลม วิธีการอำพลางตอไม้สักที่ตัดคือการเผาป่าให้ต่อเป็นสีดำก็ไม่รู้แล้วว่าตอตัดใหม่หรือตอเก่า จุดรวมหมอนไม้เถื่อนอยู่บริเวณ ต.วังชิ้น มีทางเข้าตรงบริเวณบ้านใหม่ ต.วังชิ้น หมอนไม้ดังกล่าวมียามเฝ้าต้นทางที่ปากทางเข้า โดยเจ้าหน้าที่ของรัฐเป็นยาม ก่อนหน้านี้มีการตัดไม้โดยเจ้าหน้าที่ ออป.ในบริเวณแนวพื้นที่ว่างเปล่าของบ้านปางมะโอ หมู่ 12 ต.แม่พุง อ.วังชิ้น นอกเขตป่าสงวน ซึ่ง ออป.ปลูกไม้สักลุกล้ำพื้นที่ทำกินของชาวบ้านปางมะโอ การตัดไม้บริเวณนี้กว่า 30 ต้น ไม่มีการตีตราตัด หรือตีตราชักลากแต่อย่างใด ชาวบ้านในตำบลแม่พุงเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาตรวจสอบการลักลอบตัดไม้สวนป่านอกระบบดังกล่าวเพราะเป็นเรื่องทุจริตและทำลายสิ่งแวดล้อมโดยคนของรัฐ ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อขอสัมภาษณ์นายวิบูลย์ เจริญชัย หัวหน้างานสวนป่าแม่สรอย ที่สำนักงานสวนป่าแม่สรอย แต่นายวิบูลย์ ได้แจ้งกับพนักงานในสำนักงานว่า ยังไม่สามารถให้สัมภาษณ์ได้ เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลชัดเจน
ทางด้านนายสกุลไชย จูมทอง นายอำเภอวังชิ้น กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ทางราชการไม่ได้นิ่งนอนใจ หลังได้รับหนังสือร้องเรียนจะเข้าตรวจสอบเพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญและเป็นสาเหตุที่มีการเผาสวนป่าเป็นประจำทำให้เกิดหมอกควันจนจังหวัดแพร่เป็นจังหวัดที่มีปัญหาหมอกควันรุนแรง ที่ผ่านมาตนได้สั่งการให้มีการตรวจสอบการขออนุญาตตัดครั้งละนับ 1,000 ต้น แต่ไม่มีระบบตรวจสอบอย่างจริงจัง การให้ใบอนุญาตก็อาจนำไปสู่การสวมตอก็เป็นได้ ทางที่ดีที่สุดประชาชนควรให้ความสำคัญและช่วยกันดูแล ซึ่งถ้ามีการตัดไม้อย่างถูกต้องภายได้จะเข้ารัฐทั้งผลกำไรและภาษีอากร ซึ่งท้องถิ่นได้ภาษีไปพัฒนาด้วย ในเรื่องนี้คงต้องตั้งกรรมการเข้าตรวจสอบต่อไป
ภาพ/ข่าว ธีรพงษ์ ธงออน ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จังหวัดแพร่