- 01 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เหยื่อโดนฉ้อโกง 4 จังหวัดนับ 10 รายแห่แจ้งความจับสองแม่ลูกเปิดร้านโรงงานเสื้อครบวงจร-โฆษณาชวนเชื่อผ่านออนไลน์หลอกโอนเงินค่าเสื้อแต่เบี้ยวหนาตาเฉยไม่ยอมส่งสินค้าให้ตามที่ตกลง-แฉประวัติเพิ่งโดนศาลพิพากษาตัดสินจำคุกในคดีเดียวกันแต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปีแต่ไม่เข็ดหลาบ
(1 เม.ย.)ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 =ม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้มีผู้เสียหายจากการถูกร้านรับสั่งทำเสื้อฉ้อโกงจาก จ.สงขลา กระบี่ สุราษฏร์ธานี และนครศรีธรรมราช กว่า 10 รายเดินทางเข้าร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อให้ช่วยเผยแพร่กลโกงของร้านรับสั่งทำเสื้อโปโล เสื้อเชิ้ต แห่งหนึ่งริมถนนปากนคร ใกล้สี่แยกคูขวาง ต.ปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ที่ใช้ช่องทางเฟชบุ๊กโฆษณาประชาสัมพันธ์ชวนเชื่อจนมีลูกค่าจำนวนมากหลงเชื่อสั่งตัดเสื้อจากร้านดังกล่าวโดยมีการโอนเงินค่าเสื้อให้ไปหมดแล้ว แต่ทางร้านกลับไม่ส่งเสื้อให้ตามรายการที่สั่งทวงถามกลับบ่ายเบี่ยงมาตลอด จนลูกคาซึ่งเป็นผู้เสียหายหลายสิบรายนำเรื่องราวไปโพสต์แจ้งเตือนประชาชนทางเฟซบุ๊กผ่านทางเพจชื่อดังต่าง ๆ อย่างกว้างขวาง โดยเมื่อวานนี้ ( 31 มี.ค.) ผู้เสียหายทั้งจากจังหวัดนครศรีธรรมราชและใกล้เคียงกว่า 10 รายได้นัดกันมาแจ้งความดำเนินคดีกับ พ.ต.ท.วิรัตน์ แท่นทอง สว.(สอบสวน) สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เพื่อให้ดำเนินคดีเจ้าของร้านรับสั่งทำเสื้อดังกล่าวในข้อหาฉ้อโกง โดย 1 ในผู้เสียหายมี พ.ญ.ชมลวัฒน์ ทองศรีเกตุ อายุ 37 ปี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคผิวหนัง อดีตเคยประจำอยู่วุฒิศักดิ์คลินิกรวมอยู่ด้วย
นางวิลาวัณย์ สมบัติภูธร อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 13-15 ถนนปาดังเบซาร์ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา หนึ่งในจำนวนผู้เสียหาย เปิดเผยว่า ได้มีนายณัฏฐ์ชพงษ์ ชายเขียว หรือ “โอม”และนางแสงระวี ชายเขียว สองแม่ลูกเจ้าของร้าน “โปโลการ์เม้นต์ จ.นครศรีธรรมราช ได้ประกาศโฆษณาผ่านเฟซบุ๊กว่า รับผลิตเสื้อครบวงจร โดยทำเสื้อโปโลพร้อมปักโลโก้และตัวอักษรตามแบบที่ตกลงกัน โดยมีการโพสต์ภาพหน้าร้าน ภาพคนงานตัดเย็บเสื้อภายในร้าน และภาพการจัดส่งเสื้อให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่องทุกวัน นิอกจากนี้ยังโพสต์ภาพข้อความขอบคุณบุคคลหรือหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชนมากมายที่ไว้ใจสั่งทำเสื้อกับทางร้าน เพื่อให้เกิดความน่าเชื่อถือ ทำให้ตนหลงเชื่อสั่งทำเสื้อโปโลจำนวน 20 ตัวละ 240 บาท นายญัฐชาพล หรือโอม ยังอ้างว่าหากลูกค่าโอนเงินค่าเสื้อให้ทั้งหมดก็จะรีบตัดเย็บให้เป็นกรณีพิเศษ เมื่อวันี่ 6 ก.พ. 2561 ตนจึงโอนเงินเข้าบัญชีของนางแสงระวี ชายเขียว แม่ของนายณัฏฐ์ชพงษ์ เป็นค่าเสื้อจำนวน 4,800 บาทนัดรับเสื้อในวันที่ 27 มี.ค. 2561 แต่เลยเวลาที่กำหนดมาหลายวันนายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอมก็ยังไม่ส่งเสื้อให้ตน และพยายามบ่ายเบี่ยงมาตลอด ตนจึงทำหนังสือบอกเลิกสัญญาและขอให้นายณัฏฐ์ชพงษ์ และนางแสงระวี โอนเงินคืนให้ตน 4,800 พร้อมค่าเสียหายจากการผิดสัญญาอีก 2,000 บาท ภายใน 3 วันแต่สองแม่ลูกก็ไม่ยอมโอนเงินคืนให้ ตนจึงเดินทางมา จ.นครศรีธรรมราช และเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอมและนางแสงระวี ที่ สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช แต่เมื่อไปถึงโรงพักพบว่ามีผู้เสียหายในกรณีเดียวกันจากหลายจังหวัดมาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับสองแม่ลูกในข้อหาฉ้อโกงเช่นกัน
ทางด้านนายสุรศักดิ์ เรืองนุ่ม อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 5 ต.ร่อนพิบูลย์ อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ผู้เสียหายอีกคนกล่าวว่า เมื่อแปถึงโรงพักทราบจากตำรวจว่าก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายอีกเกือบ 20 รายที่มาแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอม เจ้าของร้านและนางแสงระวี ผู้เป็นแม่ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียหายทุกรายจะโอนเงินค่าเสื้อเข้าบัญชีนางแสงระวี ทั้งหมด และมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากทั้งที่เป็นบุคคลและหน่วยงานราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย บริษัทห้าวร้าน ที่ตกเป็นเหยื่อแต่ยังไม่แจ้งความ และก่อนหน้านี้เมื่อปี 2560 นายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอม และนางแสงระวี ผู้เป็นแม่ได้แจ้งจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัดนครศรีกาเม้นม์และเปิดร้านรับทำเสื้อครบวงจร บริเวณถนนชลประทานเลี่ยงเมือง-สะพานยาว ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทำการโฆษณาทางออนไลน์ใหญ่โตว่าเป็นโรงวานผลิตเสื้อครบวงจร ซึ่งมีลูกค้าตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก จนนำไปสู่การแจ้งความฟ้องร้องดำเนินคดีชั้นศาลและเมื่อวันที่ 13 มี.ค. 2561 ถูกศาลตัดสินจำคุกและให้ชดใช้ค่าเสียหายจำนวนมาก โทษจำคุกให้รอลงอาญา 1 ปี แต่นายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอมและนางแสงระวี ไม่เข็ดหลาบปิดร้านเดิมและย้ายมาเปิดร้านใหม่ชื่อใหม่ที่สี่แยกคูขวาง ถนนปากนคร อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช และยังการอ้างห้างหุ้นส่วนจำกัดนครศรีกาเม้นต์ ซึ่งถูกยกเลิกไปแล้วนำการประกาศโฆษณาว่าเป็นโรงงานตัดเย็บเสื้อครบวงจรอยู่เหมือนเดิม ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายอีกเช่นเดียวกัน เขามีพฤติกรรมแบบเดิมจึงเชื่อว่าเจาตั้งใจเปิดร้าน เปิดโรงงานเถื่อนขึ้นมาเพื่อฉ้อโกงประชาชนอย่างชัดเจน
“เมื่อวานนี้ ( 31 มี.ค.) หลังจากผู้เสียหายทยอยแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราชแล้วทางตำรวจได้ไปเชิญนายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอม มาพบที่โรงพักแต่ไม่ยอมมาพบ โดยในร้านพบแต่นางแสงระวี จึงเชิญมาพบพนักงานสอบสวนที่โรงพัก โดยนางแสงระวี อ้างว่าตัวเองไม่รู้เรื่องและนายณัฏฐ์ชพงษ์ ลูกชายไม่อยู่ ขอให้ผู้เสียหายไปยึดทรัพย์สินในร้านแทนค่าเสียหายได้เลย เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพร้อมด้วยผู้เสียหายทั้งหมดได้เดินทางไปที่ร้านพบว่าหน้าร้านดูหรูหรา แต่ภายในร้านไม่มีอะไรเลย มีเพียงหัวจักรเย็นผ้าเก่า ๆ ที่เสียใช้การไม่ได้แล้วอยู่ 1 ตัวเท่านั้น จึงไม่สามรรถยึดทรัพย์สินใด ๆ ได้ นางแสงระวี จึงนำเสื้อที่ตัดเย็บยังไม่แล้วเสร็จมามอบให้กับผู้เสียหาย และอ้างว่านายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอมลูกชายอยู่ที่ร้านอีกสาขาหนึ่งในตลาดท่าแพ ต.ปากพูน อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ตำรวจและผู้เสียหายจึงเดินทางไปตรวจสอบก็พบว่าภายบ้านไม่มีทรัพย์สินมีค่าใด ๆ และไม่พบตัวนายณัฏฐ์ชพงษ์ หรือโอม เชื่อว่าเปิดร้านสาขาดังท่าแพ ขึ้นมาเพื่อหวังหลอกลววงฉ้อโกงเช่นเดียวกับร้านที่สี่แยกคูขวาง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะออกหมายเรียกนายณัฐชาพล มาพบเพื่อแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีตามขั้นตอนต่อไป”
ในขณะที่ พ.ญ.ชมลวัฒน์ ทองศรีเกตุ ผู้เสียหายอีกราย กล่าวว่าได้ลาออกจากการเป็นแพทย์ประจำวุฒิศักดิ์คลินิก เพื่อเปิดคลินิกรักษาโรคผิวหนังเป็นของตัวเอง จึงสั่งทำเสื้อโปโลที่มีโลโก้และตัวอักษรของคลีนิคและจ่ายเงินค่าเสื้อไปหมดแล้วเช่นกัน แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่ได้รับเสื้อตามนัด จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจเพื่อให้ดำเนินคดีกับนายณัฏฐ์ชพงษ์ และผู้เกี่ยวข้องกับการร่วมกระทำความผิด ตนมองว่านายณัฏฐ์ชพงษ์ และนางแสงระวี ตั้งใจที่จะเปิดร้านขึ้นเพื่อหลอกลวงฉ้อโกงผู้คนโดยเฉพาะ ถือเป็นพฤติกรรมที่ภัยสังคมเป็นอย่างมาก เท่าที่ตนได้พูดคุยกับผู้เสียหายทุกรายเขาไม่ได้เสียหายเงินรายละ 3,000-5,000 บาท แต่ที่ทุกคนยอมลงทุนลงแรงเดินทางมาจากหลายจังหวัดเพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายณัฏฐ์ชพงษ์ เพราะต้องการให้หยุดพฤติกรรม และมาร้องเรียนสื่อมวลชนเพื่อแจ้งให้สาธารณะชนทราบจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อมากไปกว่านี้ และคาดว่าหลังจากนี้จะมีผู้เสียหายอีกจำนวนมากมาแจ้งความดำเนินคดีกับสองแม่ลูกเพิ่มเติมอย่างแน่นอน.
ภาพ/ข่าว ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค จ.นครศรีธรรมราช
