พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง!! เมื่อ "เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ" ทรงเห็นบุรุษร่างใหญ่ เดินหายเข้าไปในพระบรมรูป "รัชกาลที่ ๓"

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง!! เมื่อ "เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ" ทรงเห็นบุรุษร่างใหญ่ เดินหายเข้าไปในพระบรมรูป "รัชกาลที่ ๓"

 

              เป็นที่รู้กันว่าชั้นบนสุดของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาทในพระบรมมหาราชวัง เป็นที่ประดิษฐานพระบรมอัฐิและพระอัฐิของบูรพกษัตริย์และเจ้านายในมหาจักรีบรมราชวงศ์ จึงถือเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ยิ่ง ซึ่งในสมัยก่อนนั้น มีเรื่องเล่าที่เป็นมุขปาฐะของชาววังทั้งฝ่ายหน้าและฝ่ายใน เกี่ยวกับเรื่องดวงพระวิญญาณของรัชกาลที่ ๓ ซึ่งมีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะเหล่าเวรยามรักษาพระที่นั่ง ซึ่งชั้นบนเป็นที่เก็บพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรี และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปขนาดใหญ่ของรัชกาลต่างๆ ซึ่งเป็นสถานที่โอ่โถงรโหฐานและวังเวงมากแห่งหนึ่ง

พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง!! เมื่อ "เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ" ทรงเห็นบุรุษร่างใหญ่ เดินหายเข้าไปในพระบรมรูป "รัชกาลที่ ๓"

 

              ทุกคนที่อ้างว่าเห็น เล่าตรงกันว่า ทรงพระภูษาแดงลอยชายปราศจากฉลองพระองค์ แค่เห็นด้านหลังก็รู้ว่าเป็นองค์พระนั่งเกล้าฯ เพราะอ้วนใหญ่กว่าทุกรัชกาล คนที่อยู่เวรยามเห็นก็ไม่กล้าร้อง เพราะพระเจ้าอยู่หัวบรรทมอยู่ไม่ห่างไปนัก กลัวจะถูกเฆี่ยนหลังลาย ได้แต่ตัวสั่นงันงกรีบก้มกราบด้วยความกลัว


 

พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง!! เมื่อ "เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ" ทรงเห็นบุรุษร่างใหญ่ เดินหายเข้าไปในพระบรมรูป "รัชกาลที่ ๓"

 

              เรื่องหนึ่งเล่ากันว่า เหตุเกิดตอนกลางวัน ขณะที่พระอาทิตย์ยังไม่สิ้นแสง เวลาราว ๕ โมงเย็น พวกฝ่ายในได้เชิญเสด็จ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ หรือ “ทูลกระหม่อมเล็ก” ไปทรงเล่นตามประสาเด็กกับพระโอรสของเจ้านายต่างกรมอีก ๒-๓ พระองค์ที่มีชันษา ๕-๖ พรรษาไล่เลี่ยกัน ในห้องโถงชั้นล่างของพระที่นั่งจักรีมหาปราสาท เพราะเป็นห้องที่โล่งไม่มีเครื่องตกแต่ง เพื่อให้เจ้านายพระองค์น้อยกระโดดเต้นกันได้สะดวก


 

พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง!! เมื่อ "เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ" ทรงเห็นบุรุษร่างใหญ่ เดินหายเข้าไปในพระบรมรูป "รัชกาลที่ ๓"

 

              ในขณะที่เจ้านายพระองค์น้อยกำลังทรงเล่นซ่อนหากันอยู่ โดยทูลกระหม่อมเล็กเป็นฝ่ายหา ก็ทรงร้องโวยวายขึ้นมาว่า

"ใครนี่...ใครที่อยู่ข้างนอกเข้ามานี่หน่อยซิ"

พวกมหาดเล็กก็วิ่งกันเข้าไปด้วยความแปลกใจ ทรงรับสั่งอย่างไม่พอพระทัยว่า

"พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง...เร็วไปจับตัวมาให้ฉัน"

ทรงชี้พระหัตถ์ไปทางห้องมุขตะวันออกที่เป็นห้องรับรองแขกเมือง

"ใคร รูปร่างเป็นยังไงพระเจ้าข้า" มหาดเล็กคนหนึ่งทูลถาม

"อ้วนๆ ตัวใหญ่" ทรงยกพระหัตถ์ทำกิริยาประกอบ "แก่แล้ว นุ่งผ้าแดงแปร๊ดเลย เดินหายเข้าไปทางนี้แหละ"


 

พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง!! เมื่อ "เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ" ทรงเห็นบุรุษร่างใหญ่ เดินหายเข้าไปในพระบรมรูป "รัชกาลที่ ๓"

 

                 มหาดเล็กได้ฟังก็สังหรณ์ใจกันแล้ว และเมื่อเดินค้นหาก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ ถามยามรักษาการณ์ทั้ง ๒ ด้านก็ว่าไม่เห็นใครผ่านเข้าไป แต่เมื่อทูลกระหม่อมเล็กทรงพระดำเนินไปถึงพระบรมรูปรัชกาลต่างๆ ทรงหยุดเพ่งพินิจพระบรมรูปรัชกาลที่ ๓ อยู่ชั่วครู่ ก็ทรงชี้พระหัตถ์ไปที่พระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รับสั่งอย่างเด็กๆ ที่ยังไร้เดียงสาว่า

"นี่แหละ...นี่แหละ...ตาคนนี้นี่แหละ"

เท่านั้นเอง เหล่ามหาดเล็กก็ขนลุกซู่ รีบอุ้มทูลกระหม่อมเล็กกลับไปส่งให้ฝ่ายในทันที

พิลึกแท้ๆ ซุ่มซ่ามเข้ามาได้ยังไง!! เมื่อ "เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ" ทรงเห็นบุรุษร่างใหญ่ เดินหายเข้าไปในพระบรมรูป "รัชกาลที่ ๓"

 

              เมื่อสมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวีทรงทราบ จึงทรงรำพึงว่า พวกเด็กๆ ไปวิ่งเล่นกันอึกทึกครึกโครมเป็นที่รบกวนพระราชหฤทัย หรือทรงระลึกถึงลูกๆ หลานๆ จึงปรากฏพระองค์ให้เห็น ทรงจัดพวงมาลัยและธูปเทียนให้ข้าหลวงไปขอพระราชทานอภัยอย่างเงียบๆ โดยไม่แพร่งพรายให้เอิกเกริก พร้อมรับสั่งอย่างเฉียบขาดว่า

"หากอีคนไหนนำเรื่องนี้ไปพูด จะถูกเฆี่ยนหลังขาดเชียว"

              เรื่องนี้จึงถูกปกปิดเป็นเรื่องลับ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมีคนซุบซิบ นานๆ เข้าก็ซุบซิบดังขึ้น จนกาลเวลาผ่านไปหลายปี จึงเป็นเรื่องที่เล่ากันอย่างเปิดเผยของทั้งฝ่ายหน้าฝ่ายใน นี่เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับผีและวิญญาณ ถ้าจะพูดกันอย่างสำนวนทุกวันนี้ ก็ต้องบอกว่า "ไม่เชื่อ ก็อย่าลบหลู่" 
 

 

 

ขอบคุณข้อมูลจาก : เพจ จับเข่าเล่าประวัติศาสตร์ 

                           เพจ คลังประวัติศาสตร์ไทย