"ที่เห็นและเป็นอยู่ก็แสนสุขสบาย-ใยจึงหิวเงินนัก"?! แฉลึก"5 พระมหาเถรฯ" รับเงินหนุนการศึกษา-แต่กลับมั่วเอาไปสร้างกุฏิอยู่อย่างโอ่อ่าหน้าตาเฉย

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

นับว่าสั่นสะเทือนวงการผ้าเหลืองเป็นอย่างยิ่ง กับกรณีที่ "ผอ.สำนักพุทธฯ พงศ์พร  พราหมณ์เสน่ห์" ออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษ "5 พระมหาเถรฯ" ชื่อก้องแห่งวงการดงขมิ้น เอี่ยวโกงเงินทอนวัดเป็นล็อต 3 กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามฯ หรือ บก.ปปป. ในช่วงก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ โดยรอบนี้หวังเอาผิดกับ 5 พระมหาเถรฯ ดังกล่าว และที่ว่าสั่นสะเทือนวงการผ้าเหลืองอยู่ไม่น้อยนั้น...เพราะแต่ละรูปถือเป็นระดับ “พระสังฆาธิการ” ผู้ปกครองคณะสงฆ์ที่มีอำนาจกว้างขวาง และชาวบ้านนับหน้าตาถือพากันกราบไหว้มานานนับสิบ ๆ ปีทั้งสิ้น

 

ความมัวหมองที่เกิดใน "ที่ที่ไม่ควรเกิดและน่าอดสู" เช่นนี้ทำให้ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ออกมาโพสต์เรื่องนี้ถึง 2 โพสต์ใหญ่ ๆ หลังพยายามต่อสู้ และบอกกล่าวแก่สังคมในความฟอนเฟะของวงการดงขมิ้น...อย่างโดดเดี่ยวมาพักใหญ่ โดยหลวงปู่ฯ ถึงกับบอกว่า พระมหาเถรฯ เหล่านั้น "บ้านก็ไม่ต้องเช่า ข้าวก็ไม่ต้องซื้อ ไปไหนมีตำแหน่งยิ่งใหญ่ครอบไว้บนหัว มีแต่คนประจบเอาใจพะเน้าพะนอถวายนู่น นี่ นั่น สารพัด รายได้จริงๆ ได้มากกว่าเงินเดือนทั้งหมดรวมกันเสียอีก ยิ่งเป็นระดับรองสมเด็จ รับกิจนิมนต์แต่ละครั้งเจ้าภาพถวายครั้งละ ๕,๐๐๐ ถึงหมื่นขึ้นทั้งนั้น แต่ทำไมถึงได้หิวเงินกันนัก มันอดอยากถึงกับต้องมาฉ้อโกงเงินอุดหนุนการศึกษาของคณะสงฆ์ทีเดียวหรือ และนี่แค่หนังตัวอย่างเท่านั้น เรื่องจริงมันน้ำเน่า ยาวกว่านี้อีกพี่น้อง" หลวงปู่ฯ ระบุ

อ่าน "คนสะอาดย่อมไม่ยินดีในความชั่วทั้งปวง"?! "หลวงปู่ฯ" โพสต์อีกรอบปมเจ้าคุณเอี่ยวโกง บอก"บ้านไม่ต้องเช่า ข้าวไม่ต้องซื้อ ทำไมหิวเงินนัก"

 

พูดกันตามตรงหากพิจารณาจากรูปแบบการโกงในล็อต 3 ที่  "ผอ.พงศ์พร" ร้องทุกข์กล่าวโทษนั้น มีรูปแบบต่างจากการโกง 2 ล็อตแรกอยู่ไม่น้อย เพราะ 2 ล็อตแรกลักษณาการเป็นการเรียกรับผลประโยชน์แบบโต้ง ๆ กล่าวคือ...ใช้อำนาจของการเป็น ผอ.พศ. และรอง ผอ.พศ. ในขณะนั้นโอนเงินเข้าไปให้บางวัดที่หมายตา แล้วตามไปเรียกรับผลประโยชน์โดยให้โอนกลับมากว่า 70 % ของเงินทั้งก้อน โดยอ้างแบบสุดแสนจะปรเสริฐว่า...นำไปช่วยเหลือวัดอื่นที่ลำบากกว่าอีกทอดหนึ่ง...ขณะหลวงพ่อเจ้าอาวาสวัดที่หลอกให้เข้าประกอบฉาก...กว่าจะรู้ตัวก็แทบกลายเป็นผู้ต้องหาร่วมไปแล้ว บางวัดถึงกับต้องตั้งโต๊ะเอาทนายมาแถลงปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็น-ไม่มีส่วนร่วมกันให้วุ่นวายใหญ่โต (เคสนี้คือ...วัดพนัญเชิงฯ) โดยพบความเสียหาย 2 ล็อตรวมกันราว 200 ล้านบาท และสั่งดำเนินคดีผู้ต้องหากว่า 10 คน รวมทั้งอดีต ผอ. และรอง ผอ.พศ. อย่างนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานนท์ และ น.ส.ประนอม คงพิกุล ซึ่งถือเป็นตัวการใหญ่อยู่ และปัจจุบันนายนพรัตน์ ก็หนีความผิดไปเสพสุขอยู่ที่สหรัฐอเมริกาเรียบร้อยแล้ว

 

ทว่า...การโกงในล็อตที่ 3 ต่างไปจาก 2 ครั้งแรก โดยมีกระแสข่าวว่า 3 ใน 5 รูปของท่านเจ้าคุณหมู่นั้น รับเงินอุดหนุนการศึกษาที่ พศ. ส่งมาให้ทั้ง 3 แห่ง เพื่อยกระดับการศึกษาให้ภิกษุ สามเณร ทั้งวัดสัมพันธวงศาราม วัดสระเกศฯ วัดสามพระยา แต่กลับตรวจพบในภายหลังว่า วัดสัมพันธวงฯ ไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แต่ทางวัดอ้างว่านำเงินไปสร้างกุฏิ

ขณะที่วัดสระเกศฯ มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม แต่กลับนำเงินไปใช้อุดหนุน "พระธรรมทูตไทยในต่างประเทศ" ส่วนวัดสามพระยานั้น ก็มีการใช้เงินผิดประเภทเฉกเช่นกัน...นั่นเองจึงเป็นเหตุให้ "เจ้าคุณทั้ง 5" ล้วนโดนข้อหาหนัก กระทำความผิดอาญาคดีเกี่ยวกับการทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม  แผนกสามัญศึกษา แผนกธรรม และแผนกบาลี และงบเผยแพร่ศาสนา มีความเสียหายทั้งสิ้น 70 ล้านบาท

 

แต่นอกจากโดนข้อหาหนักทางอาญาแล้ว เรื่องนี้อาจทำให้เจ้าคุณทั้ง 5 ยังเข้าข่ายอาบัติปาราชิกตามพระธรรมวินัยอีกด้วย และนั่นอาจนำมาซึ่งการถูกจับสึกพ้นความเป็นพระ...และต้องเดินคอตกในฐานะฆารวาสสู่ซังเต...ตามที่หลวงปู่พุทธะอิสระตั้งข้อสังเกตไว้ เพราะยักยอกทรัพย์เกินกว่า 5 มาสกตามที่พระธรรมวินัยระบุ

 

ว่าไปแล้ว 5 มหาเถรฯ ที่ด่างพร้อย-เหวอะหวะ  ล้วนแต่มีสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ “พระธัมมชโย” อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายที่เจ้าตัวเองก็มัวหมอง-ด่างพร้อย ในเรื่องยักยอกทรัพย์-อมที่ดินของวัดไปเป็นสมบัติส่วนตัว กระทั่งถูกแจ้งดำเนินคดีจนต้องหลบหนีไป (ตั้งแต่ต้นปี 2560) เช่นเดียวกันนี้อย่างแจ้งชัด โดยเฉพาะ 3 ใน 5 รูป ทั้ง "พระพรหมดิลก" หรือ "เจ้าคุณเอื้อน" แห่งวัดสามพระยา รวมทั้ง "พระพรหมเมธี" หรือ “เจ้าคุณจำนงค์” แห่งวัดวัดสัมพันธวงศ์ และ "พระพรหมสิทธิ" หรือ "เจ้าคุณธงชัย" แห่งวัดสระเกศฯ ต่างก็นั่งทับตำแหน่งกรรมการที่ปรึกษา "โครงการ (ธรรมกาย) อุปสมบทหมู่ ภาคฤดูร้อน 100,000 รูป" ด้วยกันทั้ง 3 ทั้งยังเป็น 3 เสียงแข็งขันที่ลงมติไม่ให้ “ธัมมชโย” ต้องอาบัติปาราชิก....กรณีอมที่ดินวัดฯ ดังกล่าวอีกด้วย

 

ส่วนอีก 2 รูปสุดท้าย ทั้ง "พระเมธีสุทธิกร" หรือ “เจ้าคุณสังคม” และ "พระวิจิตรธรรมาภรณ์ “หรือ "เจ้าคุณเทอด”  ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสระเกศฯ ทั้งคู่ต่างก็สืบทอดสายสัมพันธ์ "วัดปากน้ำ- วัดสระเกศฯ - ธรรมกาย" มาจากรุ่นสู่รุ่นโดยไม่มีการอำพราง และสังคมรับรู้รับทราบกันดีว่าพวกเขาคือ...วัดพี่วัดน้อง...อาจารย์กับลูกศิษย์ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันทุกทาง...ดังกรณีรวมหัวแก้ต่างให้ "ธัมมชโย" หนีภัยปาราชิก เป็นอาทิ

 

และถึงแม้วันนี้ทางฝ่าย "ธรรมกาย" จะยังไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ ต่อกรณีนี้ อาจมีเพียงการเตรียมการจัดงานวันคล้ายวันเกิดให้แก่ "นายไชยบูลย์ สุทธิผล" ซึ่งก็คือ อดีตพระธัมมชโย ในวันที่ 22 เมษายน นี้เท่านั้น โดยทาง "วัดธรรมกาย" อ้างว่าเป็น "วันคุ้มครองโลก" แต่สิ่งที่ต้องจับตาในวันนั้นก็คือ พวกเขาแฝงฝังนัยยะในการเคลื่อนไหวกดดันฝ่ายบ้านเมืองต่อกรณี  "5 เจ้าคุณ" ถูกเชือดปมโกงเงินทอนวัดครั้งนี้ด้วยหรือไม่  เพราะแหล่งข่าวเปิดเผยว่า ในวันที่ 22 เมษาฯ นี้นั้น จะเป็นกิจกรรมครั้งใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยจัดมาก่อน และนั่นย่อมหมายถึง "สาวกธรรมกาย" ถูกระดมมาทั่วทุกสารทิศแน่ และยิ่งจำนวนยิ่งมาก...ยิ่งมีนัยยะในเชิงปริมาณ และส่งผลต่อการกดดันฝ่ายบ้านเมืองเป็นอย่างมาก

 

ขณะเดียวกัน ก็ต้องจับตาการประชุมของ มส. ซึ่งก็คือต้นสังกัดของ  "5 เจ้าคุณ" ในวันที่ 20 เม.ย.ที่จะถึงนี้ว่า จะมีการชี้ชะตา 5 พระมหาเถรฯ หรือไม่อย่างไร เพราะเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ และสะท้อนความฟอนเฟะของชาวดงขมิ้น.....ที่เอาผ้าเหลืองมาห่มตัว....แต่กลับพอกพูนกิเลสเอาไว้ภายในแบบถึงแก่น...และหากปล่อยไว้ยิ่งมีแต่เสียกับเสีย และก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาผ้าเหลืองได้ง่าย ๆ

 

อ่าน สะท้านทั้งมหาเถรฯ?! "5 พระเถรานุเถระ" เอี่ยวโกงเงินทอนวัด แต่ละรูปล้วนนั่งทับเก้าอี้"ผู้ปกครองสงฆ์" แต่กลายเป็น"พวกปากว่าตาขยิบ"เสียเอง