บูชาสิทธิมนุษยชนกันมั้ยล่ะ? "บิ๊กตู่"บี้นักข่าว"2 ตัวป่วนเอกชัย-โชคชัย"พังคอมพ์ตร.ว่าไง-ละเมิดสิทธิผู้อื่นมั้ย รู้มั้ยว่าเขาอยากให้เกิดเหตุุ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

บูชาสิทธิมนุษยชนกันมั้ยล่ะท่าน?! "บิ๊กตู่" สะกิดนักข่าว หลัง "2 แก๊งป่วนนาฬิกาบิ๊กป้อมเอกชัย-โชคชัย" ถูกเรียกคุย แต่กลับแสดงความเป็นประชาธิปไตย-ฝ่ายก้าวหน้า ด้วยการพังคอมพืวเตอร์ของตำรวจ โดยอ้างว่าโมโห โดยนายกฯ ระบุถึงเรื่องดังกล่าวว่า แบบนี้เอาไงดี-ละเมิดสิทธิผู้อื่นมั้ย แล้วเห็นมั้ยเขาต้องการให้เกิดเหตุ อยากได้ภาพความรุนแรงเอาไปออกสื่อ


วันนี้ (18 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้เชิญตัว "นายเอกชัย หงส์กังวาน" , "นายโชคชัย ไพบูลย์รัชตะ" 2 ละอ่อนแก๊งป่วนนาฬิกา "บิ๊กป้อม"  มาพูดคุยเพื่อขอร้องให้ยุติการทำกิจกรรมที่หน้าบ้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรี  และ รมว.กลาโหม กระทั่งหลังการเชิญตัว นายโชคชัย ได้แสดงท่าทางไม่พอใจ พร้อมกับทำลายทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ตำรวจ จนได้รับความเสียหายซึ่งได้แก่ จอคอมพิวเตอร์จำนวน 2 เครื่อง จอทีวีคอนเฟอเรนซ์ รวมทั้งหมดมูลค่าประมาณ 50,000 บาท ซึ่งเป็นของส่วนตัวที่เจ้าหน้าที่ใช้ทำงานในห้องสอบสวน ซึ่งต่อมานายอานนท์ นำภา ทนายความ และ น.ส.ณัฎฐา  มหัทธนา  ได้เดินทางมาที่ กก.สส.บก.น.4  และปรากฏว่า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่ติดใจเอาความที่นายโชคชัย ทำคอมพิวเตอร์เสียหาย เพราะเป็นของเก่าแล้ว ก่อนที่จะปล่อยตัวออกมา กระทั่งถูกเสื้อแดงรวมทั้งแกนนำพรรคเพื่อไทย เอาไปบิดเบือนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกระทำเกินกว่าเหตุ ทำร้ายร่างกายนายโชคชัย

ล่าสุด ต่อกรณีดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม. วานนี้ว่า สื่อก็รู้อยู่แล้วว่าเขาเป็นนักกิจกรรมทางการเมือง ฉะนั้น ต้องมองว่าการจะไปรบกวนคนนู้นคนนี้เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนคนอื่นหรือไม่ อยากให้มองสองด้านบ้าง อย่ามองแค่ด้านใดด้านหนึ่ง มันเหมือนเป็นการสนับสนุนให้ทำกิจกรรมสร้างผลกระทบต่อคนอื่น รวมถึงการจราจร และการทำงานของเจ้าหน้าที่ซึ่งไม่สมควรในเวลานี้

“ก็เห็นอยู่แล้วว่าเขาต้องการให้เกิดเหตุและเกิดภาพความรุนแรงขึ้นเพื่อให้สื่อถ่ายภาพลงหนังสือพิมพ์ แล้วสื่อก็มาถามผมแบบนี้ ก็เตือนกันง่ายๆ กลับบ้านไปก็จบ แต่ก็ดิ้นรนไปเรื่อยเปื่อย สุดท้ายคือต้องการให้เกิดภาพ พอไปโรงพักก็ไปพักคอมพิวเตอร์อุปกรณ์สำนักงานสถานีตำรวจ ตรงนี้ทำไมไม่ไปถามเขาดูบ้าง ทำแบบนี้ได้หรือไม่ และเขาก็ไม่ได้เอาเรื่องเอาราวลงโทษทางกฎหมายอะไร จริงๆ แล้วต้องลงโทษ หากทำอีกคงต้องลงโทษ เพราะมันไม่ไหว เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนผู้อื่น ส่วนที่มองว่าเจ้าหน้าที่กระทำรุนแรงเกินไปนั้น เป็นไปอย่างที่บอก มีการดิ้นไปดิ้นมา เจ้าหน้าที่จับแขนจับขาก็กลายเป็นรัดคอ เพราะเขาไม่หยุด แล้วจะให้ทำอย่างไร วันหลังให้สื่อไปช่วยกันทำให้เขาหยุด จะได้หรือไม่ก็ไม่รู้ ให้เจ้าหน้าที่ลองถ่ายภาพดูบ้าง ไปหาวิธีการที่เหมาะสมก็แล้วกัน ถ้ามันแรงไปก็ขอโทษ” นายกฯ ระบุ

นายกฯ ยังระบุด้วยว่า เรื่องใดก็ตามที่เป็นความขัดแย้ง หลังสงกรานต์นี้รัฐบาลขอให้เรานำพาประเทศให้ผ่านพ้นช่วงเวลาสำคัญช่วงนี้ไปให้ได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนการเลือกตั้ง หากไม่สงบเรียบร้อยเราจะทำอะไรกันต่อไปได้


"วันหน้าก็จะเกิดความวุ่นวายสับสนอลหม่านเหมือนเดิม ฉะนั้นขอว่าจะเสนอข่าวอะไรขอให้เสนอสองทาง อย่าไปลองตัดสินว่าโน่นนี่ผิดถูกเพราะบางทีมันไม่ใช่ เนื่องจากข้อมูลไม่ตรงกัน ข้อมูลของภาครัฐเยอะกว่าอยู่แล้วถึงได้ทำงานนู่นนี่ค่อนข้างตรงความต้องการของประชาชน ไม่อยากให้ไปฟังคำพูดคำกล่าวอะไรจากภายนอกมากนัก

“โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลายคนมีส่วนเกี่ยวข้องในการบริหารราชการแผ่นดินในช่วงที่ผ่านมาทั้งสิ้น รัฐบาลนี้ทำสนองตอบทุกคนทั้งประชาชน การเมือง นักการเมืองที่เคยทำไม่ได้ เราก็ทำให้มันได้ ส่วนที่ดีเราทำขนาดนี้ แล้วจะมาติติงอะไร” นายกฯ ทิ้งท้าย