- 18 เม.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
หลัง "ผอ.สำนักพุทธฯ "พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์" ออกมาร้องทุกข์กล่าวโทษ "5 พระมหาเถรฯ" ชื่อก้องแห่งวงการดงขมิ้น เอี่ยวโกงเงินทอนวัดเป็นล็อต 3 กับกองบังคับการป้องกันปราบปรามฯ หรือ บก.ปปป. ในช่วงก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ และกลายเป็นประเด็นร้อนที่สั่นสะเทือนวงการผ้าเหลืองอยู่ไม่น้อย เหตุที่ท่านเจ้าคุณแต่ละรูปนั้นถือเป็นระดับ “พระสังฆาธิการ” ผู้ปกครองคณะสงฆ์ที่มีอำนาจกว้างขวาง และชาวบ้านนับหน้าตาถือพากันกราบไหว้มานานนับสิบ ๆ ปีทั้งสิ้น โดยรายชื่อของพระเถระทั้ง 5 รูปนั้นสื่อทุกสำนักได้นำเสนอไปหมดแล้ว
ล่าสุดต่อกรณีนี้ "หลวงปู่พุทธะอิสระ" อดีตเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย จ.นครปฐม ได้ออกมาโพสต์เรื่องนี้อีกครั้ง หลังเคยโพสต์ใหญ่ ๆ ไปแล้วถึง 2 ครั้งก่อนหน้า และพยายามต่อสู้ และบอกกล่าวแก่สังคมในความฟอนเฟะของวงการดงขมิ้นนี้...อย่างโดดเดี่ยวมาพักใหญ่
โดยรายละเอียดที่ "หลวงปู่ฯ" ระบุไว้ล่าสุด คือ
เมื่อไรคณะสงฆ์ผู้ตั้งมั่นอยู่ในศีล สมาธิ ปัญญาจะลุกขึ้นมาแสดงความกล้าหาญช่วยกันปกป้องพระธรรมวินัยเสียที
๑๘ เมษายน ๒๕๖๑
๓-๔ ปีมาแล้วที่พุทธะอิสระต้องต่อสู้กับอธรรมที่ใช้ผ้าเหลืองห่อหุ้มกาย
๓-๔ ปีมาแล้วที่พุทธะอิสระต้องต่อสู้กับอลัชชีที่อ้างเพียงแค่คำว่าบุญ แล้วหลอกใช้ศรัทธาของชาวบ้านมาสร้างความร่ำรวย ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง
๓-๔ ปีมาแล้วที่พุทธะอิสระต้องสู้กับพวกมหาโจร ที่ฝังตัวอยู่ในองค์กรปกครองสูงสุดซึ่งเป็นศูนย์กลางของอำนาจตุลาการ นิติบัญญัติบริหารเพียงลำพัง
ทั้งที่พวกมหาโจรเหล่านี้ ก็ใช้อำนาจไปในทางมิชอบ โดยที่ไม่มีใครในคณะสงฆ์ จะกล้าออกมาคัดค้านต่อกรด้วย
๓-๔ ปีมาแล้วที่พุทธะอิสระต้องสู้กับกลุ่มมหาโจร ในคราบผ้าเหลืองที่กระหายอำนาจ ต้องการอำนาจ ถึงขนาดช่วยกันเดินขบวนเรียกร้องอำนาจหรือจ่ายเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจ
๓-๔ ปีมาแล้วที่คณะสงฆ์ไทย มองพุทธะอิสระเป็นพระบ้า พระกบฏ พระเถื่อน ถ่อย สถุล อันธพาล ระรานพระผู้ใหญ่
เป็นเวลา ๓-๔ ปีเหมือนกันที่พุทธะอิสระไม่ยอมก้มหัวให้พวกอธรรมเหล่านี้แม้แต่น้อยนิด
ถึงจะรู้ว่าต้องสู้อยู่คนเดียว ก็ไม่เคยสะดุ้งกลัวหวาดผวา
๓-๔ ปีมาแล้วที่พุทธะอิสระต้องกลายเป็นผู้ถูกกล่าวหาและผู้ต้องหาคดีกบฏ อันเป็นผลมาจากการต่อสู้กับพวกทุจริตและมหาโจรในผ้าเหลือง
๓-๔ ปีมาแล้วที่พุทธะอิสระต้องถูกขู่ฆ่า ถูกเหยียดหยามย่ำยี ถูกประณาม ถูกจ้องจับผิด และอาฆาตพยาบาทจากพวกพ้องของผู้เสียผลประโยชน์
เป็น ๓-๔ ปีที่พุทธะอิสระเคยถามตัวเองอยู่บ่อยครั้งว่า สาวกสงฆ์ในพระธรรมวินัยนี้ มีพุทธะอิสระเพียงผู้เดียวหรือ ที่ทำหน้าที่ปกป้องพระธรรมวินัย ทั้งที่หน้าที่ปกป้องพระธรรมวินัย เอื้อเฟื้อต่อพระธรรมวินัยหาได้เป็นของพุทธะอิสระคนเดียวไม่ แต่ควรจะเป็นหน้าที่ของพุทธบริษัททุกคน
คำถามก็คือ แล้วพุทธบริษัทเหล่านั้นหายไปไหนหมด หรือสงบนิ่งเพียงเพื่อที่จะเอาตัวรอด แล้วรอรับผลประโยชน์ คอยประดิษฐ์คำสวยๆ มาหลอกชาวบ้านให้มึนงงเท่านั้น
งานนี้ไม่เห็นบรรดานักเทศน์ นักคิด นักเขียน นักวิเคราะห์ นักวิชาการสายออเจ้าทั้งหลาย ออกมาชี้ว่าอะไรถูก อะไรผิดกันบ้างเลย
หรือกลัวว่าจะเปลืองตัว ปีนี้จักไม่ได้รับเลื่อนขั้น พิจารณายศ ไอ้นักบวชแบบนี้ล่ะ ที่ชาวบ้านเขาเรียกว่า กาฝากล่ะ มีชีวิตอยู่แค่จะแสวงหาประโยชน์เท่านั้น
ถ้าชาวบ้านจะหวังพึ่งได้ก็แค่คำพูดปลอบประโลมให้คลายเหงา หาได้จับต้อง พึ่งพาเอาเป็นชิ้นเป็นอัน ทำให้ชาวบ้านมีปัญญาชี้ถูก ชี้ผิดได้ไม่
ที่พุทธะอิสระเขียนมานี้ หาใช้ตำหนินักบวชทุกท่านดอกนะ
แต่ตำหนิพวกที่เป็นอีแอบ ขมุกขมัว มั่วซั่ว อึมครึม ไม่ชัดเจน มีผู้นำทางจิตวิญญาณ ที่ไม่ชัดเจนเช่นนี้ล่ะ สังคมถึงได้แยกไม่ได้ว่าอะไรสุจริต อะไรทุจริต อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรคือสิ่งที่ต้องร่วมกันรับผิดชอบ
เพราะอย่างนี้ล่ะ บ้านเมืองถึงได้มีปัญหาหมักหมม แก้ไม่ได้เสียที
ขออภัยที่ต้องบ่นออกมาดังๆ เพราะทนเห็นความเห็นแก่ตัวของนักบวชหลายๆ คนไม่ได้ กระทบกับใครก็ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
พุทธะอิสระ