จับอาการปากกล้าขาแข็ง “วัฒนา เมืองสุข” เลื่อนพบอัยการทุจริตบ้านเอื้ออาทร ยื้อชะตาก่อนปิดฉากชีวิตการเมือง?

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ประกาศใช้และมีผลอย่างเป็นทางการแล้ว สำหรับ พระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 หรือมีชื่อเล่นที่เรียกกันติดปากว่า กฏหมายห้าม “ประชานิยม”  มีทั้งหมด 87 มาตรา   ที่น่าสนใจคือในมาตรา 9 ที่ระบุไว้ว่า 

“คณะรัฐมนตรีต้องรักษาวินัยในกิจการที่เกี่ยวกับเงินแผ่นดินตามพระราชบัญญัตินี้อย่างเคร่งครัดในการพิจารณาเรื่องที่เกี่ยวกับนโยบายการคลัง การจัดทำงบประมาณ การจัดหารายได้ การใช้จ่าย การบริหารการเงินการคลัง และการก่อหนี้ คณะรัฐมนตรีต้องพิจารณาประโยชน์ที่รัฐหรือประชาชนจะได้รับ ความคุ้มค่า และภาระการเงินการคลังที่เกิดขึ้นแก่รัฐ รวมถึงความเสี่ยงและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแก่การเงินการคลังของรัฐอย่างรอบคอบ คณะรัฐมนตรีต้องไม่บริหารราชการแผ่นดินโดยมุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว”

 

 

จึงเป็นที่มาของชือเล่นพระราชบัญญัติฉบับนี้  และหากจะเอยถึงยุคเฟื้อฟูของนโยบาลโครงการประชานิยม พลันให้นึกถึงสมัยที่พรรคไทยรักไทยได้รับเลือกตั้งอย่างถล่มทลายเมื่อต้นปี 2544 รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ได้ขับเคลื่อนโครงการประชานิยมอย่างขนานใหญ่ อยู่มากมายหลายโครงการ  ในนั้นคือโครงการบ้านเอื้ออาทร ของการเคหะแห่งชาติ (กคช.)  กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.)  ที่มีคำเล่าลือปมทุจริตทุกซอกทุกมุมของโครงการ ตั้งแต่การ ซื้อขายที่ดิน กระทั่งการอนุมัติ โดยมีการเรียกเก็บ “ค่าหัวคิว”ให้รัฐมนตรีหน่วยละ 10,000 บาท ผ่าน “พ่อค้า”คนใกล้ชิด

โดยมีชื่อของนายวัฒนา เมืองสุข  แกนนำปากกล้าของพรรคเพื่อไทย เข้าไปเกี่ยวข้องในสมัยที่ได้นั่งเก้าอี้เป็นรัฐมนตรีการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กับพวก ในสมัยรัฐบาลนายทักษิณ ซึ่งนายวัฒนากับพวกถูกกล่าวหาว่า เรียกรับเงินจากผู้ประกอบการเอกชนในการจัดซื้อจัดจ้างโครงการบ้านเอื้ออาทร โดยเริ่มจากการที่บริษัทพาสทีญ่าได้โควตาเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ 7 โครงการ 7,500 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการสวนพลูพัฒนา โครงการผดุงพันธ์ โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 1) โครงการนนทบุรี (วัดกู้ 3) โครงการสมุทรปราการ (วัดคู่สร้าง 1) โครงการปทุมธานี ลำลูกกา คลอง 2 และโครงการกระทุ่มแบน 3 ทั้งที่ไม่มีคุณสมบัติในการเข้าเป็นคู่สัญญากับการเคหะแห่งชาติ แต่ได้มีการจ่ายเงินใต้โต๊ะเพื่อให้สามารถเข้าเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐได้หรือไม่ 

 

คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรเงียบหายไประยะหนึ่ง หลังจากที่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดนายวัฒนา โดยมีมูลความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานเรียกรับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด สำหรับตนเอง หรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148 และ 149 

 

 

จับอาการปากกล้าขาแข็ง “วัฒนา เมืองสุข” เลื่อนพบอัยการทุจริตบ้านเอื้ออาทร ยื้อชะตาก่อนปิดฉากชีวิตการเมือง?

 

 

 ล่าสุดมีรายงานข่าวทางการเมืองที่สำคัญอยู่ชิ้น นั่นคือ กรณีที่ นายวัฒนา  ได้ขอเลื่อนนัดการเข้าพบพนักงานอัยการในคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร เพื่อนำตัวยื่นฟ้องต่อศาลใน 20 เม.ย.61 ออกไปเป็นวันที่ 2 พ.ค. 2561 หรือต้นเดือนหน้า

ไม่แปลกใจหากนายวัฒนาจะมีอาการปากกล้าขาแข็ง คิดหนักถึงขั้นต้องขอเลื่อนนัดออกไป  เนื่องจากคดีบ้านเอื้ออาทรนั้น เป็นคดีใหญ่ และมูลค่าความเสียหายจากการทุจริตวงเงินหลายแสนล้านบาท ไม่เหมือนคดีอื่นๆที่ผลไม่ระคายแม้ผิวหนัง  หากแต่คดีบ้านเอ้ออาทร ถาพบว่ามีการกระทำผิดเกิดขึ้นจริง นายวัฒนาเองอาจมีสิทธิ์ติดคุกตามรอยนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในคดีโกงจำนำข้าว  หรืออาจจะต้องหลบหนีหัวซุกหัวซุนออกนอกประเทศ เป็นผีไม่มีศาล ตามแบบฉบับของพี่น้องตระกูลชินวัตร ที่นายวัฒนารักและศรัทธา!! ที่ร้ายกว่านั้น ก็คือบทลงโทษสูงสุด ถึงขั้นประหารชีวิตเลยทีเดียว

 

มาตรา 148 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ ซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต 

 

ส่วนมาตรา 149 ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งรัฐ สมาชิกสภาจังหวัด หรือสมาชิกสภาเทศบาล เรียก รับหรือยอมจะรับทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ หรือกระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด ในตำแหน่งไม่ว่าการนั้น จะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงยี่สิบปี หรือจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท หรือประหารชีวิต

 

จับอาการปากกล้าขาแข็ง “วัฒนา เมืองสุข” เลื่อนพบอัยการทุจริตบ้านเอื้ออาทร ยื้อชะตาก่อนปิดฉากชีวิตการเมือง?

 

หากคิดทบไปทวนมาให้ดีแล้วการแสดงบทบาทของ นายวัฒนาในฐานะหัวหมู่ทะลวงฟัน อาจจะเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวไม่มากก็น้อย? เพราะประกาศขอเป็นศัตรูรัฐบาลคสช. และพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พร้อมๆกับหน้าที่กระบอกเสียประชาสัมพันธ์ ให้กับตระกลูชิน ตั้งแต่พ่อ น้อง ยังลูก ด้วยถ้อยคำรุนแรง และวาทกรรมปลุกเร้า เร่งรัดเลือกตั้ง หาวิธีกลับสู่อำนาจโดยเร็วเพราะถ้าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่พรรคเพื่อไทยกลับมามีอำนาจเป็นรัฐบาลอีกครั้ง และในเวลาที่ทันท้วงที นายวัฒนานอกจากจะเป็นส.ส. ยังมีสิทธิ์ได้เก้าอี้รัฐมนตรีเป็นรางวัล และที่สำคัญเราจะได้เห็นความคืบหน้าปมบ้านเอื้ออาทรต่อจากนี้อีกหรือไม่นั้น ก็สุดแล้วแต่เวรแต่กรรม  อีกด้านหนึ่งหากกระบวนการตรวจสอบต่างๆสามารถดำเนินไป จนท้ายที่สุดเกิดพบความผิดขึ้นมาจริง เท่ากับนี้ที่จะเป็นจุดจบสุดท้าย ปิดฉากชีวิตการเมืองหน้าม่านของนายวัฒนา

 

และนี่อาจจะเป็นหนึ่งในสาเหตุอาการปากกล้าขาแข็ง