ไม่ปล่อยให้สู้คนเดียว?! "ภาคปชช." ปลุกพลังหนุน"พงศ์พร" ร้อง"บิ๊กตู่"ป้องคนดี ตีแสกหน้าถามกลับ "แก๊งแซะ ผอ.พศ. มีมาเฟียพระหนุนหลังหรือไม่"

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 


ภาคประชาขนขอนแก่น ปลุกพลังหนุน "พงศ์พร"  โดยยื่นหนังสือถึงนายกฯ ให้ปกป้องข้าราชการผู้ปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริต พร้อมถามกลับดัง "แก๊งแซะ ผอ.พศ. มีมาเฟียพระหนุนหลังหรือไม่" เสียผลประโยชน์หรือ เพราะเป็นเรื่องประหลาด...ที่ฟ้องคนจับทุจริต


วันนี้ (25 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น ชั้น 3 ศาลากลาง จ.ขอนแก่น "นายตุลย์ ประเสริฐศิลป์" ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมือง จ.ขอนแก่น นำคณะกรรมการและสมาชิกองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นภาคพลเมือง จ.ขอนแก่น เข้ายื่นหนังสือถึงผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น เพื่อส่งถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในการปกป้องข้าราชการผู้ปฎิบัติหน้าที่โดยสุจริตและกระทำตามกฎหมายบ้านเมือง โดยมีนายรัฐวิชญ์ พาฉิมพลี รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น รับหนังสือแทน พร้อมประสานงานไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติและหน่วยงานที่รับผิดชอบตามลำดับ

 

นายตุลย์ ระบุเหตุผลในการเข้ายื่นหนังสือในครั้งนี้ว่า การสืบสวนสอบสวนในความผิดคดีทุจริตเงินทอนวัด ดำเนินการตามกรอบของกฎหมายและเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการปราบปรามการมทุจริตคอร์รัปชั่น แต่กลับมีกลุ่มบุคคลที่มีผลประโยชน์และมีเจตนาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายและศีลธรรมอันดีของพลเมือง มาทำการคุกคามและเรียกร้องให้มีการย้าย พ.ต.ท.พงศ์พร พรามณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ทั้งยังคงมีการคุกคามการทำงานของข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และทำตามระเบียบของทางราชการ ในคดีการทุจริตเงินทอนวัด ทำให้ภาคพลเมืองรวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันโอชา นายกรัฐมนตรี ได้ปกป้องข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ยึดกฎหมายและระเบียบทางราชการอย่างถูกต้องชอบธรรม และไม่ควรให้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล

“ ข้อเรียกร้องทั้ง 5 ข้อที่ได้มีการส่งหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ผ่านสำนักงานพระพุทธศาสนา จ.ขอนแก่น ให้กำลังใจ พ.ต.ท.พงศ์พร พรามณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และให้นายกรัฐมนตรีปกป้อง ให้กำลังใจคณะทำงานทุกคนที่ยืนหยัดต่อสู้และทำตามระเบียบขั้นตอนกฎหมาย ซึ่งขณะนี้การดำเนินคดีทางอาญานั้นก็มีความคืบหน้าอย่างมากและมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะพระชั้นผู้ใหญ่มาแล้ว ส่วนการดำเนินคดีภาคพลเมืองไม่อาจก้าวล่วง แต่การพร้อมใจยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ครั้งนี้สำคัญที่สุดคือการดำเนินคดีกับพระเถระทุกรูปที่กระทำผิดกฎมายโดยไม่ละเว้นไม่ว่าชั้นยศ โดยไม่ต้องเกรงกลัวต่ออิทธิพล รวมทั้งดำเนินคดีกับกลุ่มบุคคลที่ละเมิดกฎหมาย เพราะเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นอีกด้วย” นายตุลย์ กล่าว


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มคนที่มารวมตัวกันเพื่อเรียกร้องให้ปลด พ.ต.ท.พงศ์พร ออกจากตำแหน่งก่อนหน้านั้น พบว่าเป็นกลุ่มจัดตั้งที่ภาคพลเมืองขอตั้งข้อสังเกตว่า มีมาเฟียพระหนุนหลัง รวมไปถึงผู้ที่เสียผลประโยชน์จากการทำงานภายใต้กรอบของกฎหมาย และทำตามระเบียบให้ถูกต้องจนนำไปสู่การเอาคนผิดที่เกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัดมาดำเนินคดีตามกฎหมายทั้งพระและฆราวาสหรือไม่