วัดโสธรดังกระฉ่อนอีกแล้ว "มีผู้แอบอ้างผ่าน LINE" ขอรับเงินบริจาคสร้างห้องน้ำของวัด

วันที่ 26 เมษายน 2561  /  นายไพศาล  ปัญญาลิขิต ผู้รับมอบอำนาจจาก พระธรรมมังคลาจารย์  เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร พระอารามหลวง ได้เดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.ประเสริฐ  เดชสุภา  รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา เพื่อแจ้งความเอาผิดทางกฎหมายกับบุคคลที่แอบอ้างขอเรี่ยไรเงินบริจาค เพื่อสร้างห้องน้ำใหม่ให้กับทางวัดโสธร หลังมีบุคคลแอบอ้างส่งข้อความผ่านแอฟพิเคชั่น LINE เพื่อขอรับเงินบริจาคในการก่อสร้างห้องน้ำของทางวัด เข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ระบุชื่อ นายกันตพัฒน์  วัชรฐิติเปรมชัย  พร้อมระบุหากโอนแล้วให้ส่ง Slip แจ้งกลับมาด้วย

 

 

 

 

ด้านนายไพศาล ปัญญาลิขิต ผู้รับมอบอำนาจจากเจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร  เปิดเผยว่า ทางวัดได้มีการก่อสร้างโดมหลังคาลานจอดรถยนต์และห้องน้ำใหม่ บริเวณหน้าอาคารมหาวิหารหลวงพ่อโสธรองค์จำลองจริง โดยมีมูลค่าการก่อสร้างจำนวน 23 ล้านบาท โดยคู่สัญญาคือ บริษัท ธ ศักดิ์สิทธิ์ อัลลอย สเตนเลส อินเตอร์ จำกัด  ที่มีนายกันตพัฒน์ วัชรฐิติเปรมชัย เป็นผู้รับดำเนินการก่อสร้าง  โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 22 ธันวาคม 2560 สิ้นสุดสัญญา วันที่ 19 มิถุนายน 2561  ซึ่งทางวัดยืนยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการขอรับบริจาคใดๆ ในการก่อสร้างทั้งหมด ทางวัดมีเงินจำนวน 23 ล้านบาทในการจ่ายให้กับบริษัทคู่สัญญาในการก่อสร้างทั้งหมดอยู่แล้ว  ซึ่งการเดินทางมาแจ้งความในวันนี้เพื่อต้องการให้สังคมได้รับรู้ความจริงว่า ขณะนี้มีผู้แอบอ้างไม่หวังดี ทำลายชื่อเสียงของทางวัดในการขอรับบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างห้องน้ำของวัด  โดยก่อนหน้านี้ได้มีประชาชนโทรเข้ามาสอบถามตนถึงการขอรับบริจาคเงิน เนื่องจากมีการส่งต่อข้อความผ่านทางแอฟพิเคชั่น LINE ต่อๆ กันมาเพื่อหาผู้ใจบุญร่วมสร้างบุญโดยการบริจาคเงิน หรือสิ่งของตามรายการที่มีการระบุในข้อความทางแอฟพิเคชั่น LINE

 

 

 

 

ทางวัดจึงได้มอบหมายให้ตนเองเดินทางมาแจ้งความในครั้งนี้ /  โดยในเบื้องต้น ร.ต.อ.ประเสริฐ  เดชสุภา  รองสารวัตรสอบสวนสถานีตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา  ได้รับแจ้งความไว้แล้ว พร้อมตรวจสอบเอกสารต่างๆ และเตรียมเรียกบุคคลที่มีชื่อเป็นเจ้าของบัญชี มารับทราบข้อกล่าวหา  โดยทางเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าเบื้องต้นได้ตั้งข้อหาเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ตาม พรบ.คอมพิวเตอร์  แต่หากตรวจสอบพบมีประชาชนโอนเงินเข้าบัญชีไปแล้วเพราะหลงเชื่อ จะต้องถูกดำเนินคดีเพิ่มเติมอย่างแน่นอน 

 

 

 

 

ภาพ / ข่าว  ก้องเกียรติ  พุทธิรังสิมาภรณ์  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ฉะเชิงเทรา