ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

นับตั้งแต่ทักษิณ ชินวัตรต้องออกเดินทางออกนอกประเทศหลังจากที่โดนยึดอำนาจสิ่งเดียวที่มีอยู่ได้และใช้ในการเดินทางนั่นคือหนังสือเดินทางของนายทักษิณ จริงๆนายทักษิณถูกตัดสินทางคดีเป็นนักโทษหนีคดี ไม่น่าจะมีฐานะที่จะใช้หนังสือเดินทางไทยในการเดินทางได้ แต่ภายใต้อำนาจรัฐที่ผ่านมายังมีสิทธิพิเศษเสมอมาล่าสุด 30 พฤษภาคม 2561  ศาลปกครองสูงสุดยกฟ้องคดี “นายทักษิณ” ฟ้องอธิบดีกงสุลยกเลิกหนังสือเดินทาง ชี้คำสั่งชอบด้วยกฎหมาย พร้อมยันถ้อยคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกฯ ผู้นี้กระทบต่อความมั่นคงของชาติ  

เพราะฉะนั้นศาลตัดสินมาว่าเป็นการที่ชอบด้วยกฎหมายถือว่ากระบวนการจบแล้วศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลปกครองกลาง ในคดีหมายเลขดำที่ 2115/2558 คดีหมายเลขแดงที่ 1930/2559 ที่นายทักษิณ ชินวัตร ฟ้องอธิบดีกรมการกงสุล และพวกรวม 2 คน กรณีกรมการกงสุลยกเลิกหนังสือเดินทางของนายทักษิณ 2 ฉบับ โดยก่อนหน้านี้ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าวแล้ว แต่นายทักษิณได้ยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุด ว่าระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง พ.ศ.2548 ไม่ใช่กฎหมายเฉพาะให้อำนาจรัฐจำกัดสิทธิเสรีภาพได้ การที่ระเบียบดังกล่าวให้อำนาจอธิบดีกรมการกงสุลไม่ออกหรือยกเลิกหนังสือเดินทางของบุคคลสัญชาติไทย จึงขัดต่อรัฐธรรมนูญ ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชนและกติการะหว่างประเทศ และการยกเลิกหนังสือเดินทางโดยอาศัยข้อเท็จจริงจากความเห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)  ทั้งที่ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาและออกหมายจับ จึงถือว่าเกินกว่ากรณีแห่งความจำเป็น     คำร้องของนายทักษิณอ้างว่า การที่ สตช.กล่าวหาว่าตนกระทำผิดกฎหมาย ทั้งที่ยังไม่มีการสอบสวนหรือแจ้งข้อกล่าวหา เป็นการกระทำที่รวบรัดขั้นตอนทางกฎหมาย นอกจากนั้นยังเห็นว่าการที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาที่เป็นการวินิจฉัยว่ากระทำผิดกฎหมายอาญานั้น เห็นว่าศาลปกครองไม่มีอำนาจวินิจฉัยดังกล่าว

ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่าคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของกรมการกงสุลชอบด้วยกฎหมาย เพราะการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณกับสื่อมวลชนของประเทศเกาหลี ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงองคมนตรี ถ้อยคำดังกล่าวจึงเป็นปรปักษ์กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง 
    
ส่วนกรณีที่นายทักษิณอุทธรณ์ว่าเป็นการเลือกปฏิบัติและไม่เป็นธรรมนั้น ศาลเห็นว่าการที่จะอ้างว่าเป็นการเลือกปฏิบัติหรือไม่เป็นธรรมนั้น หากนายทักษิณเป็นผู้กระทำความผิดเอง ก็ไม่สามารถอ้างว่าหน่วยงานผู้ใช้อำนาจเลือกปฏิบัติได้ ดังนั้นจึงถือว่าคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางนั้นชอบด้วยกฎหมาย ศาลปกครองสูงสุดจึงมีคำพิพากษายืนตามศาลปกครองกลางที่มีคำพิพากษายกฟ้อง

ตอกย้ำความคิด !?!? เปิดปูม "ทักษิณ" ก่อนเชือด "พาสปอร์ต" ฟังดีๆ วันนั้นพาดพิงองคมนตรี เอ่ยมีบางคนจาก...มาช่วย เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร

 2 พฤษภาคม นายดอน ปรมัตถ์วินัย  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ระบุเรื่องการเพิกถอน หนังสือเดินทางนายทักษิน ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อศาลตัดสินมาว่าเป็นการที่ชอบด้วยกฎหมายถือว่ากระบวนการจบแล้ว

1 พฤษภาคม นายวัฒนา เตียงกูล ทนายความผู้รับมอบอำนาจจากนายทักษิณ กล่าวภายหลังการอ่านคำพิพากษาว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษายกฟ้องในคดีดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าข้ออุทธรณ์ในคดีรับฟังไม่ขึ้น ดังนั้นเรื่องนี้คงต้องยุติ ทำอะไรไม่ได้ เพราะคดีถึงที่สุดแล้ว หลังจากนี้จะประสานไปยังนายทักษิณเพื่อแจ้งคำพิพากษาของศาลให้รับทราบต่อไป

ทั้งนี้หลังจากมีการเผยแพร่คำพิพากษาดังกล่าว นายทักษิณ ชินวัตร ได้ทวีตตอบโต้ว่า "วันนี้ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษายกฟ้อง คดีที่ผมฟ้องกระทรวงต่างประเทศที่ยกเลิกหนังสือเดินทางผมโดยมิชอบ ซึ่งก็ไม่ได้เกินความคาดหมาย    การที่ผมฟ้องไม่ใช่เพราะผมเดือดร้อนอะไร ที่ไม่ได้ใช้หนังสือเดินทางของไทย แต่ผมเพียงต้องการอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มีโอกาสปรับตัวจากการถูกปรามาสว่าถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองจนไม่เป็นที่พึ่งของสังคม เพราะได้ดำเนินการไปโดยขัดหลักนิติธรรมสากล และเลือกปฏิบัติต่อคนเฉพาะกลุ่มเฉพาะฝ่ายมาโดยตลอด

ตอกย้ำความคิด !?!? เปิดปูม "ทักษิณ" ก่อนเชือด "พาสปอร์ต" ฟังดีๆ วันนั้นพาดพิงองคมนตรี เอ่ยมีบางคนจาก...มาช่วย เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร

 

"ดังนั้นเมื่อคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดออกมาแบบนี้ แน่นอนว่าตามรูปการณ์แล้วย่อมไม่เป็นผลดีกับ นายทักษิณ ชินวัตร เลยแม้แต่น้อยหากไปดูก่อนหน้านี้ ตลอดระยะเวลา ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณา “ยกเลิก-คืน” หนังสือเดินทางของ นายทักษิณ มาแล้ว  สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ มีประกาศยกเลิกพาสปอร์ตแดงสมัยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และพาสปอร์ตบุคคลธรรมดา


ต่อมาสมัยรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช โดยครั้งนั้นเจ้ากระทรวงบัวแก้ว นายนพดล ปัทมะ ได้พิจารณาให้คืนหนังสือเดินทางบุคคลธรรมดาให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ครั้งที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นนายกรัฐมนตรี   นาย ทักษิณ ชินวัตร  ถูกยกเลิกหนังสือเดินทางในสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะโดยกระทรวงการต่างประเทศ ได้ยกเลิกหนังสือเดินทางทูต (พาสปอร์ตเล่มสีแดง) เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2551 หลังจากนายทักษิณ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินมีความผิดในคดีที่ดินรัชดาภิเษก ต้องจำคุก 2 ปี และคดีได้ถึงที่สุดเนื่องจากไม่มีการอุทธรณ์ อีกทั้งนายทักษิณ ยังได้หลบหนีออกนอกประเทศ  ส่วนการยกเลิกหนังสือเดินทางบุคคลทั่วไป (พาสปอร์ตเล่มสีน้ำตาล) กระทรวงการต่างประเทศ ได้ยกเลิกเมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2552 นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ขณะนั้น ระบุเหตุผลการยกเลิกว่า เพื่อไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่จะเป็นภัยต่อประเทศ

ตอกย้ำความคิด !?!? เปิดปูม "ทักษิณ" ก่อนเชือด "พาสปอร์ต" ฟังดีๆ วันนั้นพาดพิงองคมนตรี เอ่ยมีบางคนจาก...มาช่วย เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร

 

แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่า ภายหลังจากที่รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ซึ่งเป็นน้องสาวของ นาย ทักษิณ ได้เข้ามาเป็นรัฐบาลมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน  กระทรวงการต่างประเทศที่มีนายสุรพงษ์ โตวิจักรชัยกุล เป็นรัฐมนตรี ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินเรื่องให้เสร็จสรรพก็ดำเนินการจนสามารถคืนพาสปอร์ตให้กับ ทักษิณได้สำเร็จถ้าไปดูบางช่วงบางตอนของคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดที่ เห็นว่าคำสั่งยกเลิกหนังสือเดินทางของกรมการกงสุลชอบด้วยกฎหมาย เพราะการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณกับสื่อมวลชนของประเทศเกาหลี ซึ่งมีเนื้อหาพาดพิงองคมนตรี ถ้อยคำดังกล่าวจึงเป็นปรปักษ์กับการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข และก่อให้เกิดความเสียหายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ อันเป็นการกระทบต่อชื่อเสียงและเกียรติภูมิของประเทศตามระเบียบกระทรวงการต่างประเทศว่าด้วยการออกหนังสือเดินทาง

ย้อนกลับไป   เมื่อวันที่20 พฤษภาคม 2558 มีการเผยแพร่คลิปวีดีโอการสัมภาษณ์พิเศษ ทักษิณ  ชินวัตร ผ่านทางเว็บไซต์ยูทูป โดยมีเนื้อหาที่ตอกย้ำและเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความคิดของ ทักษิณ  ที่มีต่อประเทศไทยโดยยังวนเวียนอยู่กับความเชื่อที่ว่า การทำรัฐประหารปีพ.ศ.2549และ2557 มีผู้อยู่เบื้องหลังโดยได้มีการใส่ร้ายและพาดพิงไปยังคณะองคมนตรีและมีเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ต่อการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112อย่างชัดเจนทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเป็นภาษาไทย ซึ่งบันทึกเทปโดย Chosun Media (โชซัน มีเดีย) ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการเมืองในประเทศไทย เผยแพร่ผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2558 ความว่าประเทศไทย ตราบใดที่เขาปล่อยให้ทำงาน ก็ยังมีอำนาจ แต่ถ้าไม่ปล่อยให้ทำงานก็ไม่มีอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองคมนตรีทั้งหลาย เที่ยวนี้ทหารก็จะฟังองคมนตรี เพราะตอนที่เขาไม่ต้องการให้เราอยู่ เขาก็ให้สุเทพออกมา และให้ทหารเข้ามาช่วย และก็มีพวกบางคนจาก(จุด จุด จุด) มาช่วย เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร ผมก็เลยคุยกับนายกรัฐมนตรี ปูว่าเหตุการณ์เหมือนที่พี่โดนมาทหารเขาอาจจะชื่นชอบประชาธิปไตยแบบพม่า ที่พม่าเลิกแล้ว แต่เค้าชอบอย่างนั้นไง เราไม่รู้ ผมก็ยังตำหนิเค้าไป เขาก็ยังอายุน้อย เค้าคงโกรธ ที่ปฏิวัติแบบนี้ เค้าก็คงโกรธว่าประเทศไทยมาดีๆแล้ว  แต่เค้าคงโกรธนะ เราเป็นครอบครัวสาธารณะ จะพูดอะไรต้องระมัดระวัง

ทั้งนี้หากย้อนกลับไปตรวจสอบพฤติกรรมโดยเฉพาะการให้สัมภาษณ์พ.ต.ท.ทักษิณได้พูดถึงองคมนตรีโดยข้อความมีเนื้อหาที่หมิ่นเหม่ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112 หลายต่อหลายครั้งเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2552 พ.ต.ท.ทักษิณ วีดีโอลิงค์มายังการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ปักหลักชุมนุมด้านหน้า ทำเนียบรัฐบาลว่า ประธานองคมนตรี พล.อ.เปรม เป็นผู้อยู่เบื้องหลังรัฐประหาร พ.ศ. 2549 และองคมนตรีบางท่าน คือ พล.อ.สุรยุทธ์ และ ชาญชัย ลิขิตจิตถะ ได้ใช้อำนาจทหารค้ำตำแหน่งของนายอภิสิทธิ์คำพูดตอนหนึ่งยังระบุอีกว่า “การที่ป๋าลงมาเล่น แล้วสั่งโน่นนี่ ในฐานะเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญมันเป็นสิ่งที่ทำให้กระบวนการของประเทศเสียหายหมด ระบบสองมาตรฐาน ความไม่เป็นธรรมในสังคมเกิดขึ้น”

ตอกย้ำความคิด !?!? เปิดปูม "ทักษิณ" ก่อนเชือด "พาสปอร์ต" ฟังดีๆ วันนั้นพาดพิงองคมนตรี เอ่ยมีบางคนจาก...มาช่วย เลยทำให้เราไม่มีอำนาจอะไร


จากพฤติการณ์ในอดีตทั้งหมดทั้งมวลของ ทักษิณ ซึ่งกินระยะเวลามาแล้วหลายปีแสดงให้เห็นว่าครั้งแล้วครั้งเล่าที่พ.ต.ท.ทักษิณใส่ร้ายและล่วงเกินองคมนตรีซึ่งมีเนื้อหาหมิ่นเหม่ต่อการกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา112