เดือดร้อน 2 เด้ง..!! ชาวบ้านร้องศูนย์ดำรงธรรม ขอให้โรงแรมคืนทางถนนสาธารณะ เพื่อเข้าออก และค้านโครงการรัฐ ทำกำแพงปูนปิดบังร้านอาหาร!?

วันที่ 1 พ.ค.61 นางพวงเพ็ญ ตันเก่ง อายุ 49 ปี เจ้าของร้านอาหาร เพ็ญ เรสเตอร์ลองต์ อยู่บ้านเลขที่ 12/19 หมู่ 2 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา พร้อมด้วย นายสรรเพชร ทิพมนเทียน ทนายความสำนักงานสรรเพชร นำเอกสารหลักฐานเป็นคำพิพากษาศาลฎีกา และแบบร่างโครงการป้องกันการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ ที่ดินหนังสือสำคัญที่หลวง เลขที่ 42611 หมู่ที่ 3 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เข้ายื่นขอความเป็นธรรมต่อ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงา โดยมี ว่าที่ ร.ต.อนุพงษ์ รุธดมสุธี รองหัวหน้าศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงาเป็นผู้รับเรื่อง โดยนางพวงเพ็ญได้ระบุว่า ตนเองมีความเดือดร้อนจากการที่มีโรงแรมแห่งหนึ่ง ปิดกั้นเส้นทางและพื้นที่สาธารณประโยชน์ ทำให้ตนเองไม่สามารถเข้าถึงที่ดินของตนเองได้ เดิมเป็นที่ดิน น.ส.3 ก. ของนายเฉลิม ตันเก่ง พ่อตนเอง จากนั้นได้เสียชีวิตจากเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ ปี 2547 จึงขอให้ศาลบังคับให้ทางโรงแรมเปิดเส้นทาง จนกระทั่งปี 2557 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา ลงวันที่ 8 ธ.ค.57 ความแพ่ง ระบุให้บริษัทเจ้าของกรรมสิทธิ์ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทางสาธารณะประโยชน์

 

 

 

นางพวงเพ็ญ ตันเก่ง กล่าวว่า ตั้งแต่มีคำพิพากษาของศาลฏีกา เมื่อประมาณ 3 ปี ที่ผ่านมา ตนเองพยายามติดต่อ เจ้าหน้าที่บังคับคดีหลายครั้งเพื่อให้ทางโรงแรมทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ซึ่งตนเองจะได้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดิน ซึ่งขณะนี้เหมือนที่ดินตาบอด จึงได้มีการว่าจ้างผู้ประกอบการรถแบ็คโฮเข้ารื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในเขตทางสาธารณะประโยชน์ แต่เจ้าของรถแบ็คโฮก็ให้เหตุผลว่ากลัวกระทำผิดกฎหมายที่รื้อทรัพย์สินของโรงแรม ทำให้ตนเองไม่รู้จะไปพึ่งพาใครหรือหน่วยงานใดจึงเข้าร้องศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงาเพื่อคลายความเดือดร้อนที่ตนเองไม่สามารถเข้าที่ดินตนเองได้และไม่สามารถใช้ถนนสาธารณประโยชน์ที่ชาวบ้านใช้มานาน ทำให้ที่ดินของตนเองซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารอยู่ติดกับที่ดินของโรงแรม ไม่สามารถผ่านเส้นทางถนนสาธารณะเดิมที่เลียบชายหาดได้

 

 

 

 

ส่วนที่ประเด็นคือ มีการทำประชาคมหมู่บ้านเพื่อจัดทำโครงการของภาครัฐและผ่านประชาคมมา 2 ครั้งแล้ว เรื่องการจัดทำโครงการป้องกันการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ ที่ดิน น.ส.ล.เลขที่ 42611 หมู่ 3 ต.คึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา เบื้องต้นตนเองทราบว่าโครงการดังกล่าวทางหมู่บ้านจะทำรั้ว ค.ส.ล. เป็นกำแพงยาว 220 เมตร ซึ่งโครงการดังกล่าวจะทำให้ตนเองเดือดร้อนเนื่องจากในบริเวณแนวเขต น.ส.ล.ดังกล่าวติดอยู่กับที่ดิน ที่ตนเองเปิดเป็นร้านอาหารอยู่ หากโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจริงรั้วกำแพงของหมู่บ้านจะปิดกั้นร้านของตนเองไม่สามารถเปิดร้านอาหารบริการนักท่องเที่ยวหรือประชาชนทั่วไปได้ ตนเองจึงเข้าขอความเป็นธรรมแก่ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพังงาเพื่อพิจารณาดำเนินการช่วยบรรเทาความเดือดร้อนทั้ง 2 กรณีนี้ด้วย

 

 

 

ภาพ/ข่าว วรรณศิริ โพธิ์พันธ์ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.พังงา