ทำได้จริงลืม"ทักษิณ"แน่?! ผู้รู้ฟันธง"ลุงตู่" บี้ปฏิรูปด่วน 5 ด้าน ทำได้จริงกองหนุนพรึ่บพรั่บแน่-อาจถึงขั้นคนไทยบางกลุ่มลืม"ทักษิณ"ด้วยซ้ำ

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

ทำได้จริงคนไทยบางกลุ่มลืม"ทักษิณ"แน่?! ผู้รู้ฟันธง "ลุงตู่" บี้ปฏิรูปด่วน 5 ด้านด้วยตนเอง แถมประกาศกร้าวต้องเห็นผลภายใน 8 เดือนก่อนเลือกตั้ง  เรื่องนี้หากทำได้จริงกองหนุนที่ห่างหายไปบางส่วน กลับมายกมือเชียร์พรึ่บพรั่บแน่ และสำหรับคนที่คิดเป็นอาจถึงขั้นลืม "ทักษิณ" เทพเจ้าแห่งประชานิยมแบบโกงได้เอามาแบ่งกันไปเลยด้วยซ้ำ เพราะทั้งหมดนั่นนักการเมืองไม่เคยทำมาก่อน โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจที่ชาวบ้านรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ


วัน 2 วันก่อนมีข่าวใหญ่ทางการเมืองอยู่ชิ้น แต่แปลกกลับไม่ได้รับการพูดถึงมากนัก ทั้งที่ต้นทางข่าวผู้พูดเป็นถึงนายกรัฐมนตรี และเรื่องที่พูดนั้นใหญ่โตถึงระดับ "เปลี่ยนแปลงโครงสร้างและแก่นคิดของประเทศ" นั่นคือข่าวที่ "พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด" โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ออกมาเปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำงานของคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยนายกฯ ระบุอย่างแจ้งชัดว่า พร้อมให้การสนับสนุนเพื่อความสำเร็จ โดยเฉพาะ 5 เรื่องเร่งด่วน (Quick Win) ที่จะต้องเร่งดำเนินการ และให้เห็นผลภายใน 8 เดือนก่อนการเลือกตั้งให้ได้ ซึ่งประกอบไปด้วย

1. การปฏิรูประบบราชการและการอำนวยความสะดวก 2. การแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน 3. การปราบปรามทุจริตคอร์รัปชัน 4. การสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน  และ5. การลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในสังคม


โดยโฆษกรัฐบาล ยังระบุว่า นายกฯ ให้กำลังใจคณะทำงานเต็มที่ และขอให้เร่งรวบรวมข้อมูลเสนอขึ้นมา หากเรื่องใดที่เป็นประโยชน์และสามารถทำได้จริง จะพิจารณาให้ทำทันที โดยหลายเรื่องก็ได้ดำเนินการมาแล้วก่อนหน้านี้และทำอย่างต่อเนื่อง เช่น การลดขั้นตอนการให้บริการภาครัฐ การให้สิทธิทำกินในที่ดินของรัฐ โครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ฯลฯ


"ไม่มีการปฏิรูปไหน ที่สามารถทำสำเร็จได้ในระยะสั้น เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น วิธีคิดและค่านิยมของคนในสังคม หรือกฎระเบียบที่ยุ่งยาก เป็นต้น แต่จะต้องลงมือทำตั้งแต่วันนี้ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ทุกคนในสังคมมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงบ้านเมือง โดยต้องรู้จักบทบาทและทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด เช่น การปฏิรูปตำรวจต้องเริ่มที่ทุกคนให้ความเคารพกฎหมาย หากพบการทุจริตก็ต้องร้องทุกข์กล่าวโทษ และปรับปรุงกฎหมายให้เป็นธรรมกับคนทุกกลุ่ม" โฆษกรัฐบาล เผย

ถ้อยคำอย่างเป็นทางการของโฆษกรัฐบาล ถือเป็นนิมิตรหมายอันดีที่การปฏิรูปในด้านต่าง ๆ ที่คนไทยรอคอยอย่างใจจดใจจ่อมาตลอดได้รับการพูดถึงอีกครั้ง โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจอย่างที่กล่าว เพราะนายกฯ ก็บอกเองว่า ที่ผ่านมาติดขัดหลายประการ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง ทั้งวิธีคิด ค่านิยมของคนในสังคม รวมทั้งกฎระเบียบที่ยุ่งยาก...ทำให้บางเรื่องอาจยืดยาดออกไปบ้าง

 

แต่คราวนี้เมื่อคนระดับนายกรัฐมนตรี ออกมากระทุ้งและสั่งบี้ด้วยตนเอง นั่นย่อมหมายถึงการผ่าทางตันในหลาย ๆ เรื่อง โดยเฉพาะเรื่องที่มันอาจติดขัดด้วยระเบียบข้อบังคับบางอย่างของทางราชการ เพราะนายกฯ ก็พูดชัดแล้วว่า "ขอให้เร่งรวบรวมข้อมูลเสนอขึ้นมา หากเรื่องใดที่เป็นประโยชน์และสามารถทำได้จริง จะพิจารณาให้ทำทันที"

 

ขณะที่ทาง "นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล" รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ออกมารับลูกขยับในเรื่องนี้ทันทีว่า ในสัปดาห์หน้าจะมีการพูดคุยเรื่องเร่งด่วน ที่จะต้องทำทันทีในเดือนมิถุนายนนี้ ขณะที่กระทรวงต่างๆ ก็ต้องทำแผนปฏิรูปกระทรวง เพื่อมานำเสนอคณะรัฐมนตรีในอีก 2 เดือนข้างหน้านี้ด้วย

นายกอบศักดิ์ ยังระบุด้วยว่า อะไรที่จำเป็นที่ต้องขอให้นายกฯ ออกมาตรา 44 เพื่อประชาชนได้ประโยชน์ และเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ก็จะนำเสนอ โดยจะต้องไปดูเรื่องเร่งด่วน 5 เรื่องว่าอะไรเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องใช้ มาตรา 44 เช่น เรื่องการปลูกไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ เช่น ไม้พะยูง ไม้สัก เป็นต้น ที่จะต้องแก้ไข พ.ร.บ. ป่าไม้ พ.ศ. 2484 ใช้เวลาอย่างนานกว่า 6 เดือน ซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนฯ มีหน้าที่เข็นสัมภาระเดินไปข้างหน้า แต่เวลาเข็นติดปัญหา ดังนั้น คณะกรรมการขับเคลื่อนฯ มีหน้าที่เข้าไปลดเวลา ทำให้การปฏิรูปเดินหน้าไปได้ระยะเวลาที่เหลืออยู่อีก 8 เดือนข้างหน้าให้เปลี่ยนจากแผน หรือกระดาษ ให้กลายเป็นจริง

ถ้อยแถลงของนายกอบศักดิ์ ดูจะเป็นเครื่องยืนยันว่า...รอบนี้การปฏิรูปประเทศเดินหน้าเต็มกำลังแล้ว หลังอืดอาดติดขัดหลายประการ ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างอย่างที่กล่าว

เรื่องนี้ได้รับการขานรับจากผู้สันทัดทางการเมือง และหวังดีต่อประเทศไทยในทันทีโดยหลายฝ่ายยืนยันตรงกันว่า เรื่องนี้น่าจับตา และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสนับสนุนอย่างเต็มกำลัง เพราะต่างก็ทราบกันดีว่า เรื่องปฏิรูป โดยเฉพาะการปฏิรูปตำรวจ และระบบราชการ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศ และลิดรอนสิทธิความเป็นมนุษย์ของชาวบ้านมาอย่างต่อเนื่อง...และจำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริง ๆ จัง ๆ เสียที และหากทำได้จริงรับรองว่า เรียกกองหนุนกลับมาอย่างพรึ่บพรั่บแน่ ถึงขั้นอาจลืม "ทักษิณ" เทพเจ้าแห่งประชานิยมแบบโกงได้เอามาแบ่งกันไปเลยด้วยซ้ำ

ต่อกรณีดังกล่าว  นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต , ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) และเป็นหนึ่งในผู้ร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองมาอย่างต่อเนื่อง ให้ความเห็นกรณีนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า การกำหนดประเด็น และกรอบเวลาที่ชัดเจนแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเห็นโรดแมป เห็นแผนการปฏิรูป และสามารถติดตามตรวจสอบมีส่วนร่วมและประเมินผลการทำงานได้ว่ารัฐบาลมีความจริงจัง และสำเร็จมากน้อยแค่ไหนอย่างไร ถ้ารัฐบาลทำได้จริงกองหนุนจะกลับมา ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของประชาชน และสื่อมวลชนต้องช่วยกันติดตามว่าการตั้งธงแบบนี้จะเป็นจริงหรือไม่ เพราะสังคมคาดหวังสูงในประเด็นการปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง แต่ในขณะนี้กำลังจะเข้าสู่โหมดเลือกตั้ง แต่การปฏิรูปประเทศกลับยังไม่มีรูปธรรมหรือมีความสำเร็จในเรื่องใหญ่ๆ โดยเฉพาะการปฏิรูป ในระดับโครงสร้างหรือการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง

โดยนายสุริยะใส ระบุด้วยว่า กรอบปฏิรูปเร่งด่วนทั้ง 5 กรอบที่รัฐบาลประกาศไม่ว่าจะเป็นการปฏิรูประบบราชการ การแก้ปัญหาปากท้องประชาชน การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน การปฏิรูปกระบวนการประชาธิปไตยและการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ทั้ง 5 เรื่องนี้ถือเป็นปัญหาสำคัญของสังคมไทย ซึ่งเป็นปัญหาระดับโครงสร้าง จะสำเร็จได้ก็ขึ้นอยู่กับความกล้าหาญของรัฐบาลว่าจะปฏิรูปไปถึงระดับโครงสร้างหรือไม่ ถ้าทำแค่แก้ปัญหาเฉพาะหน้าระดับผิวเผิน อย่างนี้ไม่เรียกว่าปฏิรูป เพราะเป็นแค่งานรูทีนในหน้าที่ของรัฐบาลทั่วไปเท่านั้น

"การปฏิรูปรอบนี้หากจำเป็นต้องใช้ ม.44 เพื่อเป็นเครื่องมือในการปฏิรูปที่ประชาชนได้ประโยชน์จริงๆ การใช้ ม.44 ในลักษณะแบบนี้ เสียงคัดค้านจะน้อย ฉะนั้นก็ขึ้นอยู่กับรัฐบาลว่าจะใช้เพื่อประโยชน์อะไรกันแน่" รองคณบดี วิทยาลัยนวัตกรรมฯ ม.รังสิต ระบุ

ความคิดเห็นแบบกัลยาณมิตรของนายสุริยะใสที่มีต่อประเด็นความพยายามผลักดันการปฏิรูปเร่งด่วน 5 ด้านของนายกฯ ลุกตู่ นับว่า น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะชี้ให้เห็นว่าการปฏิรูปที่นายกฯ พูดถึงนั้น...จำเป็นเรื่องเร่งด่วนแค่ไหนในสังคมไทย...นายสุริยะใสยังยืนยันว่า...ทำได้จริง "กองหนุนจะกลับมาแน่" และอาจถึงขั้นแดงบางกลุ่มที่คิดเป็นอาจลืม "ทักษิณ" ไปเลยด้วยซ้ำ