เล็กๆ ไม่ใหญ่ๆ ต้องทำ ททท.ระเบิดศึกปั่นทางไกลเลียบน้ำโขง3จว. กว่า2คนพันร่วม-คาดเงินสะพัดกว่า100ล้าน

          การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระเบิดศึกจักรยานปั่นทางไกลเลียบแม่น้ำโขง 3 จังหวัด รายการ “เดอะเกรท แม่โข ไบค์ ไรด์ 2018” มั่นใจมีนักปั่นกว่า 2 พันคนร่วมแข่งขัน คาดเงินสะพัดกว่า 100 ล้าน 

            นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นประธานแถลงข่าวมหกรรมการแข่งขันจักรยานทางไกลแห่งประเทศไทย รายการ “THE GREAT MEKONG BIKE RIDE 2018” (เดอะเกรท แม่โข ไบค์ ไรด์ 2018) ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณฯ พร้อมเงินรางวัลรวมกว่า  1 ล้านบาท โดยมี นายสมชาย วิทย์ดำรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม, นายปานทอง สระคูพันธ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดมุกดาหาร, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดสกลนคร ร่วมแถลง ที่ห้องโถง อาคารการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานใหญ่

           นายยุทธศักดิ์  กล่าวว่า ปัจจุบันกระแสการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อการอนุรักษ์และกลุ่มท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ รวมถึงผู้ที่สนใจในการแข่งขันกีฬาจักรยานที่หาเส้นทางแข่งขันใหม่ๆ ผ่านแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ กำลังได้รับการสนใจจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งเป็นกลุ่มตลาดที่มีกำลังซื้อสูง โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวเหล่านี้นิยมเดินทางท่องเที่ยวและเลือกที่จะเข้าร่วมกิจกรรมการท่องเที่ยวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม รวมถึงกิจกรรมการท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ ซึ่งการเดินทางท่องเที่ยวโดยใช้จักรยานก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมและอยู่ในกระแสเป็นอย่างมาก

            “การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหลักของภาครัฐในการส่งเสริมการท่องเที่ยว ได้ตระหนักถึงความสำคัญในการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน จึงได้กำหนดจัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการเดินทางท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพ รวมถึงเส้นทางธรรมชาติที่สวยงามให้กับผู้ที่รักการปั่นทั้งใน และต่างประเทศ โดยตามยุทธศาสตร์แผนการตลาดท่องเที่ยวปี 2561มีความมุ่งมั่นให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ  เกิดการกระจายรายได้ และที่สำคัญ คือการยกระดับสู่เมืองหลักด้านการท่องเที่ยว ที่เป็น Sport Tourism Destination สปอร์ต ทัวริซิ่ม เดสติเนชั่น ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” 

        ด้านนายสมชาย กล่าวว่า ตนและชาวนครพนมรู้สึกเป็นเกียรติที่ ททท. เลือกให้เป็นหนึ่งในเส้นทางแข่งขันหลัก โดยจะมีงานเลี้ยงต้อนรับนักปั่น ครั้งนี้เราได้กำหนดเส้นทางผ่านสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของจังหวัดรวมระยะทาง 127 กม. ซึ่งจะปิดถนนและเชิญชวนชาวจังหวัดนครพนมออกมาเชียร์ผู้แข่งขันตลอดเส้นทาง

       ขณะที่ นายปานทอง กล่าวว่า ชาวจังหวัดมุกดาหารทุกคนตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับเหล่านักปั่น เราได้เตรียมงานร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาเป็นแรมเดือนกระทั่งทุกฝ่ายพร้อมสำหรับการแข่งขัน จึงมั่นใจว่าการแข่งขันครั้งนี้ จะเป็นไปอย่างสนุก ปลอดภัย และประทับใจอย่างแน่นอน

            ส่วน นายชนม์บันลือ กล่าวว่า เราจะใช้ประตูเมืองสกลนครเป็นเส้นชัยของ สเตจที่ 2 และเป็นจุดสตาร์ทสเตจสุดท้าย ซึ่งบริเวณดังกล่าวจะถูกเนรมิตให้เป็นโซนกิจกรรมต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้นักปั่น ผู้ติดตามและเจ้าหน้าที่กว่า 2,000 คน ยืนยันว่าทุกท่านจะต้องประทับใจกับการต้อนรับของชาวสกลนคร นอกจากนี้ยังได้เชิญชวนให้ชาวสกลนครกว่า 600 คน ออกมาร่วมปั่นยามเช้า ในวันอาทิตย์ที่ 20 พ.ค.ด้วย

         สำหรับรูปแบบการแข่งขันเป็นจักรยานทางไกล แข่ง 3 วัน 3 สเตจเริ่มจากสเตจที่ 1: King of Khong คิง ออฟ โขง ออกสตาร์ทจากจังหวัดนครพนม ปั่นบนถนนทางหลวงสายหลัก เลียบฝั่งแม่น้ำโขงถึงมุกดาหาร ระยะทาง 127 กม.

         จากนั้น สเตจที่ 2: King of Endurance คิง ออฟ เอนดูรานซ์ ที่จังหวัดมุกดาหาร ปั่นบนถนนทางหลวงสายหลัก ก่อนที่จะปั่นขึ้นเขาในช่วง 5 กม.สุดท้าย ถึงประตูเมืองจังหวัดสกลนคร ระยะทาง 150 กม.

         ปิดท้ายด้วยสเตจที่3: King of Speed คิง ออฟ สปีด  ออกสตาร์ทจากประตูเมืองสกลนคร ปั่นบนถนนทางหลวงสายหลัก สามารถทําสปีดความเร็วได้สูงสุด มุ่งสู่นครพนม ระยะทาง 95 กม. รวมระยะทาง 3 สเตจ 372 กม.

        ทั้งนี้ มหกรรมการแข่งขันจักรยานทางไกลแห่งประเทศไทย ถูกจัดติดต่อกันเป็นปีที่ 3 มีผู้สมัครเข้าร่วมการแข่งขันเต็มจำนวน 2,000 คน เป็นชาวต่างชาติ 321 คนจาก 21ประเทศทั่วโลก และนักปั่นชาวไทยอีก 1,679 คน แบ่งประเภทการแข่งขันดังนี้ 1. ประเภททั่วไป ชาย-หญิง(ไม่จำกัดอายุ) 2. ประเภทกลุ่มอายุ ชาย: กลุ่มอายุ18-29, 30-39, 40-49, 50ปีขึ้นไป หญิง: กลุ่มอายุ18-39, 40 ปีขึ้นไป เยาวชนชาย: อายุต่ำกว่า 18ปี 3. ประเภทมือใหม่ และ4. ประเภททีม 4 คน คาดว่าจะก่อให้เกิดรายได้กว่า 100 ล้านบาท