- 19 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เกาะติดต่อเนื่องกับปฏิบัติการสืบเนื่องจากการเข้าตรวจค้น บ้านเลขที่ 265/154 หมู่บ้านสีวลี รามคำแหง ถ.ราษฎร์พัฒนา (ซอยมิสทีน) แขวงและเขตสะพานสูง กทม. ที่มีชื่อ ร.ต.ฐิติทัตน์ นิพนธ์พิทยา เจ้าหน้าที่ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่งมีความเกี่ยวพันในระดับสำคัญกับ นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะเคยทำหน้าที่เป็นเลขานุการ นายพิศิษฐ์ เป็นเจ้าของ และภายในบ้านยังมี น.ส.นุชรา สิทธินอก อายุ 32 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ อดีตแม่ค้าขายลูกชิ้น ตลาดสี่มุมเมือง ทำหน้าที่เป็นนอมินีในการเปิดบัญชีรับโอนย้ายเงินซึ่งเป็นทรัพย์สินสำคัญในคดีดังกล่าวจากวัดใหญ่แห่งหนึ่งพักอาศัยรวมอยู่ด้วย
ก่อนหน้านั้น "สนข.ทีนิวส์" นำเสนอไปหลายบทหลายตอน สะท้อนให้เห็นความไม่ปกติของคณะกลุ่มบุคคล ซึ่งล้วนแสดงให้เห็นนัยสัมพันธ์ในระดับไม่ธรรมดาระหว่างสมาชิกครอบครัว "นิพนธ์พิทยา" กับ นายพิศิษฐ์ ซึ่งครั้งหนึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในการออกมาปกป้องพระชั้นผู้ใหญ่ในวัดสระเกศ กรณีเกิดข้อกล่าวหาการทุจริตงบประมาณ พระราชพิธีพระราชทานเพลิงศพ สมเด็จพระพุฒาจารย์ หรือ "สมเด็จเกี่ยว" จำนวน 67 ล้านบาท
"กรณีที่มีการร้องเรียนว่าอาจมีการใช้เงินไม่ตรงกับวัตถุประสงค์นั้น สตง.ได้ตรวจสอบหลักฐานที่นำมาแสดงประกอบการเบิกจ่ายเงินแล้ว สรุปว่ามีการจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวเป็นเงินทดรองจ่าย ซึ่งหลังจากที่พระพรหมสุธีพ้นจากตำแหน่งเจ้าอาวาสฯ ได้นำเงินมาคืนให้กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ดังนั้นเงินหลวงไม่มีอะไรเสียหาย โดยเรื่องนี้ได้ยุติไปก่อนหน้านี้แล้ว และพระพรหมสุธี หรือ หรือ เจ้าคุณเสนาะ ไม่มีคดีอะไร เนื่องจากเงินส่วนที่เหลือตรวจสอบแล้วพบว่าเบิกจ่ายตรงตามวัตถุประสงค์" (นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน)
(คลิกอ่านข่าวประกอบ : เปิดกันจะๆ..สัมพันธ์ฉาว!!!แผนผังแฉขบวนการโยงทุจริต "เงินทอนวัด(ดัง)" อดีตบิ๊กสตง.ยุ่งแน่..หลักฐานพันแน่น 2 พี่น้องสกุล "นิพนธ์พิทยา"??)
ล่าสุด พล.ต.ต.ไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม และเจ้าหน้าที่ปอท. รวมถึงกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามอีกกว่า 20 นายได้นำหมายค้นเข้าตรวจค้นบ้าน เลขที่ 64/16 หมู่บ้านธรินกรณ์วิลล่า ม.4 ต.วัดชะลอ อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เนื่องจากมีข้อมูลเชื่อมโยงเส้นทางการเงินเกี่ยวกับการทุจริตเงินทอนวัด ภายหลังสำนักพระพุทธศาสนาโอนให้กับวัดแห่งหนึ่งในกทม.จำนวน 5,000,000 บา ท เพื่อนำไปใช้สอนพระปริยธรรม แต่กลับวัดดังกล่าวกลับโอนเงินเข้าบัญชีมาให้กับบุคคลที่อยู่ในบ้านหลังดังกล่าว
ทั้งนี้ พล.ต.ต.ไมตรี ระบุว่าวันนี้เป็นการลงพื้นที่พร้อมกัน 3 จุด คือที่บ้านหลังดังกล่าวและร้านขายเครื่องสังฆภัณฑ์กับทาวเฮาส์หลังหนึ่ง ตามหลักฐานปรากฎว่าบุคคลภายในบ้านมีความสนิทสนมกับพระชั้นผู้ใหญ่ในวัด ซึ่งมีการรับเงินจากทางสำนักงานพระพุทธศาสนาจำนวน 5,000,000 บาทมา ก่อนจะโอนเงินจำนวนดังกล่าวเข้าบัญชีบุคคลในบ้านจำนวน 3 ครั้งเป็นเงิน 5,000,000 บาทอีกทอดหนึ่ง
นอกจากนี้จากการตรวจสอบพบว่าบุคคลในบ้านที่เป็นเจ้าของบัญชี พบว่ามีการทำธุรกรรมร่วมกับวัดในเรื่องการเช่าที่ดินจากวัดแถวสะพานปิ่นเกล้า กทม.ในราคา 30,000 บาทต่อเดือนแต่นำไปปล่อยเช่าต่อในราคาสูงถึง 300,000 บาทต่อเดือน ซึ่งถือเป็นการสร้างผลกำไรมหาศาล
"หลักฐานที่พบเพิ่มเติม คือเอกสารการเช่าที่ดินแปลงหนึ่งจากวัดแห่งหนึ่ง บริเวณเชิงสะพานสมเด็จประปิ่นเกล้า ในราคาเพียง 3 หมื่นกว่าบาท ก่อนจะมีการนำไปปล่อยให้คนอื่นเช่าเปิดร้านอาหาร เพื่อรองรับทัวร์จีนต่อในราคากว่า 3 แสนบาท ซึ่งต้องตรวจสอบต่อไปว่าส่วนต่างเหล่านี้มีการส่งต่อกลับไปที่วัดหรือไม่ โดยจะเก็บหลักฐานที่ได้จากการตรวจค้นและเชิญตัวบุคคลดังกล่าวไปสอบปากคำที่กองปราบปรามต่อไป"