ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรประกาศไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ประกาศยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง-อดีตกรรมการสภาทนายเมืองคอนระบุแค่บอกว่าเป็น พ.ต.อ.ไม่รู้เป็นใครพนักงานสอบสวนไม่น่าจะรับแจ้งความได้ –เตรียมจัดกิจกรรมเลี้ยงน้ำ-กาแฟ ระดมทุนสู้ความอยุติธรรมพร้อมเชิญนายก ฯครม. สนช.ผู้ว่า ฯนายอำเภอ ฝ่ายปกครองตำรวจและกำนันทั้งจังหวัดร่วมรับเลี้ยงน้ำขา-กาแฟ

                จากกรณีที่นายจรายพงศ์ ศักดิ์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 ต.สามตำบล อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช ได้นำชาวบ้านจาก อ.จุฬาภรณ์ จ.นครศรีธรรมราช จำนวนกว่า 30 คน เดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช  เนื่องจากได้รับความเดือดร้อนจากจากผู้มีอิทธิพลหรือนายทุนเงินกู้นอกระบบ ซึ่งเปิดสำนักงานทนายความ เพื่อให้ประชาชนเชื่อถือ โดยมีทนายความซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจและทนายในสังกัดอีกหลายรายร่วมดำเนินการ ฟ้องร้องชาวบ้านเรียกค่าเสียหายทางแพ่งเกินจริง เช่น ชาวบ้านยืมเงินกันแค่ 1,000-2,000 บาท แต่กลุ่มนายทุนกลับรับมอบอำนาจและนำสัญญาเงินกู้ของชาวบ้านมายื่นฟ้องต่อศาลสูงถึงรายละ 1- 3 แสนบาทและหลายรายถูกฟ้องดำเนินคดีอาญาอีกด้วย มีชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่ฐานะยากจนตกเป็นเหยื่อได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส และเข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรม อ.จุฬาภรณ์ ก่อนจะรวบตัวกันเข้าร้องเนียนขอความช่วยเหลือจากสื่อมวลชน แต่ต่อมานายทุนได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายจรายพงศ์ ศักดิ์ศรี และชาวบ้านรวมอีก 17 คน ที่ร่วมลงชื่อในเอกสารร้องเรียน พร้อมทั้งผู้สื่อข่าว 3 คนประกอบด้วยนายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช และ น.ส.กัญญาณัฐ เพ็ญสวัสดิ์ เลขานุการศูนย์ข่าวนคร 24 ชม. ในข้อหาร่วมกันหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ บิดเบือนหรือเป็นเท็จโดยการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น   โดย  ร.ต.อ.เลิศฐพงศ์ คล้ายศรีบุญ พนักงานสอบสวน สภ.จุฬาภรณ์ ได้รับแจ้งความไว้ตามคดีเลขที่ 459/2560  และส่งมีความเห็นสั่งฟ้องพร้อมส่งสำนวยและผู้ต้องถึงอัยการจังหวัดทุ่งสง นครศรีธรรมราช ต่อมานายทุนได้แจ้งความดำเนินคดีกับนายยุทธ เตมะศิริ เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช เพิ่มเติมในข้อหาเดียวกันเพิ่มอีก 1 ราย รวมผู้ต้องหาในคดีทั้งหมด 21 ราย ซึ่งทางอัยการได้นัดส่งผู้ต้องหา 20 รายฟ้องศาลเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 2561 ที่ผ่านมา และศาลเมตตาให้ใช้หลักทรัพย์ประกันตัวไปคนละ 2 หมื่นบาทเท่านั้น ในขณะที่ผู้สื่อข่าวอีกรายซึ่งถูกแจ้งความล่าสุดสำนวนยังอยู่ในชั้นตำรวจ  ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

 

 (21  พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่าชาวโลกเซี่ยลได้เข้าไปชม แชร์และแสดงความคิดเห็นในข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวอย่างกว้างขวาง โดยส่วนใหญ่ต่างให้กำลังใจให้ผู้ใหญ่บ้าน สื่อมวลชนและชาวบ้านทั้ง 20 คนที่ตกเป็นจำเลยในคดีสู้ ๆ โดยเฉพาะในส่วนของนายจรายพงศ์ ผู้ใหญ่บ้าน ซึ่งก่อนที่พนักงานสอบสวนจะส่งสำนวนมีความเห็นสั่งฟ้องถึงอัยการได้แจ้งให้ทราบว่าทางโจทก์จะถอนฟ้อง หรือพนักงานสอบสวนจะสั่งไม่ฟ้องให้นายจรายพงศ์เพียงคนเดียว ส่วนชาวบ้านที่ตกเป็นจำนวนที่ 2-18 และสื่อมวลชนที่ตกเป็นจำนวนที่ 19-20  จะสั่งฟ้องไปว่ากันในชั้นอัยการและศาล แต่นายจรายพงศ์ จำเลยที่ 1 ไม่ยอมโดยประกาศว่าหากตำรวจจะสั่งไม่ฟ้องก็ต้องไม่ฟ้องจำเลยทั้งหมด หรือให้ถอนฟ้องจำเลยที่ 2-20 และให้ฟ้องนายจรายพงศ์ เพียงคนเดียวก็ได้ จนในที่สุดพนักงานสอบสวนจำต้องสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดดังกล่าว

                นายจรายพงศ์ กล่าวว่า ในวันที่เข้าพบนายอำเภอจุฬาภรณ์ นายเชต ยอดระบำ กำนัน ต.สามตำบล  อ.จุฬาภรณ์ ได้ทำหนังสือรายงานตามระเบียบราชการ โดยลงชื่อนายเชต ยอดระบำ กำนัน ต.จุฬาภรณ์ (หมู่ 3)  นายจรายพงศ์ ศักดิ์ศรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2  นายสนั่น ศรีวิหค ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4  และนายเกษม บุญสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6  พร้อมชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการเรียกเงินวิ่งเต้นคดีและตกเป็นเหยื่อเงินกู้ระบบ 4 หมู่บ้าน ประกอบด้วยหมู่ 1-3 และหมู่ 6  ร่วมเซ็นชื่อด้วย  ก่อนจะใช้หนังสือรายงานฉบับดังกล่าวเดินทางเข้าร้องเรียนขอความช่วยเหลือจากศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช ปรากฏว่าโจทก์ได้ยื่นฟ้องตนและชาวบ้านทุกคน แต่กลับไม่ฟ้องนายเชต ยอดระบำ กำนัน ต.สามตำบล รวมทั้งไม่นายสนั่น ศรีวิหค ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4  และนายเกษม บุญสุวรรณ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6  ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าโจทก์มีเป้าหมายต้องการกลั่นแกล้งตนและชาวบ้านโดยเฉพาะ

                “ชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรมและเดือดร้อนมาขอความช่วยเหลือกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หากตนยินยอมให้พนักงานสอบสวนสั่งไม่ฟ้องเพียงคนเดียวถามว่าให้ตนเห็นแก่ตัว เอาตัวรอดเพียงคนปล่อยชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อและสื่อมวลชนที่เป็นองค์กรเดียวที่ยื่นมือช่วยเหลือชาวบ้านไปสู้คดีในศาลกันตามลำพังตนยอมไม่ได้ อะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดตนพร้อมจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาชั้นศาลร่วมกับชาวบ้านและสื่อมวลชน อย่างไรก็ตามตนยอมรับว่าหลังจากชาวบ้านร้องเรียนในเรื่องนี้ตนพลอยได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมากที่ถูกดำเนินคดีไปด้วย รวมทั้งการวิ่งร้องขอความช่วยเหลือทั้งไปสำนักนายกรัฐมนตรีทำเนียบ 2 ครั้ง สภาทนายความนครศรีธรรมราช สำนักงานยุติธรรมจังหวัด สำนักข่าวนคร 24 ชม. และสำนักงานอัยการ แบะศาลจังหวัดทุ่งสงรวมแล้วเทียวไปเทียวมากว่า 10 ครั้ง ตนไม่ใช่คนร่ำรวยหาเช้ากินค่ำเหมือนกัน เงินเดือนผู้ใหญ่บ้าน 8,000 บาทจะเพียงพอได้อย่างไร การออกมาต่อสู้ในคดีนี้ได้รับความลำบากต้องหยิบยืมเงินของญาติพี่น้องเช่นกัน”

                ผู้ใหญ่บ้านกระดูกเหล็ก กล่าวอีกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นใน ต.สามตำบล ชาวบ้านไม่เฉพาะที่ถูดกฟ้อง 18 คนเท่านั้นตกเป็นเหยื่อ แต่ชาวบ้านอีกหลายสิบคนตกเป็นเหยื่อและยินยอมจ่ายหนี้ที่โจทก์เรียกสูงเกินจริงหลายร้อยเท่า เช่น ยืมเงินกันแค่ไม่เดิน 3,000-5,0000 บาท แต่โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายสูงถึง 1-3 แสนบาท ชาวบ้านหลายคนแทบสิ้นเสื้อประตัวตัว  ชาวบ้านน่าสงสารมากหลายคนอยู่ในอาหารเครียดอย่างหนักคิดฆ่าตัวตายก็มี เรื่องนี้ขัดกับนโยบายรัฐบาลที่ประกาศจะจัดการกับแก๊งเงินกู้นอกระบบอย่างชัดเจน แต่ตนไม่เข้าใจว่าตนนำชาวบ้านไปร้องเนียนสำนักนายกรัฐมนตรี 2 ครั้งรวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องแต่กลับไม่มีหน่วยงานใดยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเลย ทางยุติธรรมจังหัดได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงมาสอบสวนปากคำชาวบ้านเรียงตัวแต่ละคนให้ข้อมูลไปตามความเป็นจริงว่ายืมเท่าไหร่ จะต้องจ่ายคืนสูงเกินจริงเท่าไหร่ แต่เรื่องเงียบหายไม่ทราบว่าสรุปรายงานส่งไปที่ไหนบ้าง

                นางผิน นพสถิต อายุ 67 ปี จำเลยที่ 16 ในคดีนี้กล่าวว่า ในส่วนของตนนั้นก่อนที่จะมีการร้องเรียนขอความเป็นธรรม ตนไม่ได้มีปัญหาเรื่องการหยิบยืมเงินจากฝ่ายโจทก์จนถูกฟ้องทางแพ่งเหมือนจำเลยคนอื่น ๆ แต่เรื่องของตนมีอยู่ว่าลูกชายถูกดำเนินคดีอาญาทางฝ่ายโจทก์ได้เรียกเงินจากตนอ้างว่าวิ่งเต้นคดี จำนวน 50,000 บาท โดยยืนยันว่าจะไม่ติดคุก จะชนะคดีอย่างแน่นอน แต่ตนไม่มีเงินและมีการต่อรองกันเหลือ 20,000 บาท โดยตนได้ไปยืมเงินเพื่อนบ้านมอบให้ฝ่ายโจทก์ไป แต่หลังจากนั้นศาลพิพากษาจำคุกลูกชายตนหลายปี โดยที่ฝ่ายโจทก์ไม่ได้วิ่งเต้นช่วยเหลือใด ๆ ทั้งสิ้น  ตนจึงไปท้วงเงินคืนแต่ฝ่ายโจทก์ไม่ยอมคืนอ้างว่าได้จ่ายให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องในคดีบุตรชายของตนไปหมดแล้ว ตนจึงร่วมลงชื่อในการร้องเรียนขอความเป็นธรรม จนถูกฝ่ายโจทก์แจ้งความดำเนินคดีในข้อหาหมื่นประมาทโดยการโฆษณาและนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งก็ไม่รู้ว่านำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ตรงไหนอย่างไร ตนไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์แม้แต่โทรศัพท์มือถือก็ใช้ไม่เป็น

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

ส่วนนายประสิทธิ์ รักประทุม จำเลยที่ 15 กล่าวว่า ตนไม่ได้โดนฝ่ายโจทก์ฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งตามที่บรรยายในคำฟ้องว่าจำเลยที่ 1 นำจำเลยที่ 2-18 ไปร้องเรียนจำเลยที่ 19 และ 20  แต่ที่ตนร่วมลงชื่อละเดินทางไปยื่นหนังสือเรียกร้องขอความเป็นธรรมด้วยนั้นเพราะตนไม่ยอมความอยุติธรรมและต้องการไปเป็นเพื่อนนายจรายพงศ์  ดังนั้นตนและนางผิน ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการที่โจทก์ฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง แต่ในบรรยายฟ้องคดีนี้กลับระบุว่าผู้ต้องที่ 2 -18 เป็นกลุ่มคนที่ถูกกโจทก์ฟ้องดำเนินคดีเรียกค่าเสียหายทางแพ่ง ซึ่งไม่เป็นความจริง เป็นการบรนยายห้องอันเป็นเท็จหรือไม่

                นายธนาชัย เกตุโรจน์ อดีตกรรมการสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่าตนตรวจดูสำนวนบรรยายฟ้องในคดีนี้แล้วยังรู้สึกสับสนไม่เข้าใจ เพราะในตอนแรกระบุว่าการที่จำเลยที่ 1 นำจำเลยที่ 2-18 ไปร้องเนียนต่อสื่อมวลชน ซึ่งเป็นจำเลยที่ 19-20 จนนำไปสู่การเผยแพร่ข้อความทางโซเชียลทำให้ พ.ต.อ.ทนายความได้รับความเสียหาย แต่ในตอนท้ายกลับระบุชื่อผู้เสียหายเป็นผู้หญิงอีกคนหนึ่ง จึงไม่รู้ว่าใครคือผู้เสียหายที่แท้จริง ที่สำคัญการรายงานข่าวของสื่อมวลชนเขาปกปิดชื่อ พ.ต.อ. ปกปิดชื่อสำนักงานทนายความและชื่อผู้หญิงที่เป็นเมีย พ.ต.อ.  โดยในชั้นตำรวจผู้หญิงคนดังกล่าวเป็นผู้เสียหายและมอบอำนาจให้หัวซึ่งเป็นทนายความแจ้งความดำเนินคดี แต่ในบรรยายฟ้องศาลช่วงแรกกลับระบุรายละเอียดว่า พ.ต.อ.ทายความเป็นผู้เสียหาย ลงท้ายบรรยายฟ้องกลับมาเป็นผู้หญิงเป็นผู้เสียหาย

                “ส่วนที่พนักงานสอบสวนรับแจ้งความทั้ง ๆ ที่ไม่น่าจะรับแจ้งความได้เพราะไม่รู้ว่า พ.ต.อ.คนดังกล่าวเป็นใคร และผู้หญิงที่เป็นเมียคือใคร โดนพนักงานสอบสวนอ้างว่าสามารถสอบสวนสืบสวนทราบได้ว่า พ.ต.อ.และเมียได้รับความเสียหาย ตนมองว่ามันไปกันใหญ่เป็นทนายความมา 30 ปีเพิ่งเคยพบเคยเห็น เพราะตนอยู่ในวงการทนายความถึงตอนนี้ก็ไม่รู้จักเลยว่า พ.ต.อ.ที่เป็นทนายความคือใคร แม้จะทราบชื่อในสำนวนบรรยายฟ้องตนก็ยังไม่รู้จัก เพราะฉะนั้นหากเป็นประชาชนทั่วไปที่ได้อ่านข่าวเขาก็คงไม่รู้จักแน่ว่าใครเป็นใคร พ.ต.อ.รวมทั้งเมียจึงไม่น่าจะได้รับความเสียหาย พนักงานสอบสวนจึงไม่น่าจะรีบแจ้งความในเรื่องนี้ได้ ในกระบวนการไต่สวนของศาลหากทางจำเลยอ่างตนเป็นพยานตนก็พร้อมที่จะให้การต่อศาลโดยยืนยันว่าตามข่าวที่นำเสนอนั้นไม่ทราบ ไม่รู้จักว่า พ.ต.อ.ที่เป็นทนายความคนดังกล่าวเป็นใคร”

                อีกประเด็นหนึ่งที่อ้างว่าจำเลยที่ 2-18 เป็นจำเลยในคดีที่ พ.ต.อ.ฟ้องทางแพ่งเรียกค่าเสียจากเงินกู้ที่จำเลยทุกคนไม่ยอมจ่าย แต่ในข้อเท็จจริงจำเลยที่ 15 และ จำเลยที่ 16 ไม่ได้เป็นลูกหนี้ที่ถูกฟ้องแต่อย่างใด  จำเลยที่ 15 โดยนายประสิทธิ์ รักประทุม เขาร่วมลงชื่อและร่วมเดินทางไปร้องเรียนด้วยเพราะเขาเห็นว่าเรื่องที่เกิดขึ้นชาวบ้านไม่ได้รับความเป็นธรรม ส่วนนางผิน นพสถิตย์ จำเลยที่ 16 ก็เป็นผู้ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากกรณีที่โจทก์มาเรียกรีบเงินอ้างว่าช่วยวิ่งเต้นคดีทำร้ายร่างกายที่ลูกชายนางผิน ตกเป็นผู้ต้องหา จำนวน 50,000 บาท แต่ต่อรองกันเหลือ 20,000 บาท จึงไม่ได้เป็นลูกหนี้ที่ถูกโจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียแต่อย่างใด และในกรณีนี้สามารถที่จะแจ้งความกลับหรือร้องเรียนสภาทนายความแห่งประเทศไทย ให้สอบจริยธรรมทนายความที่เรียกรับเงินอ้างว่างต้นล้มคดีได้เช่นกัน

                นายไพฑูรย์ อินทศิลา ประธานศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช กล่าวว่า ตนเป็นสื่อมวลชนมา 30 ปีก็เป็นงงเหมือนกันที่พนักงานสอบสวนรับแจ้งความในคดีนี้ หากหลักกฎหมายที่ยึดหลักเจตนา จะเห็นชัดเจนว่าสื่อมวลชนนำเสนอข่าวโดยปิดปังชื่อบุคคลและชื่อสำนักงานทนายความที่อ้างว่าได้รีบความเสียหายไว้ทั้งหมด สื่อจึงไม่มีเจตนา และหากพิจารณาแล้วคนที่อ่านข่าวทั่ว ๆ ไป ไม่มีใครไม่รู้ว่า พ.ต.อ.ที่เป็นทนายความคือใครและสำนักงานทนายความอะไร และตามวัตถุประสงค์ของทนายความที่มีความรู้ทางกฎหมายเพื่อช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมกับประชาชนในทางกฎหมาย ไม่ใช่นำความรู้หรือช่องทางตามกฎหมายมาหาผลประโยชน์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในลักษณะนี้  ซึ่งตนทราบว่า จำเลยได้ร้องเรียนสภาทนายความไปแล้ว แต่ทางสภาทนายส่งเรื่องกลับมาให้สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราชตรวจสอบข้อเท็จจริง  ซึ่งตามความจริงจะต้องส่งไปให้สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช (สาขาทุ่งสง)สภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช จึงส่งเรื่องกลับไปยังสภาทนายความแห่งประเทศไทย เพื่อให้ส่งกลับไปยังสภาทนายความจังหวัดนครศรีธรรมราช)(สาขาทุ่งสง) แต่เรื่องก็เงียบหายไม่มีความคืบหน้าใด ๆ ส่วนที่ร้องเรียนสำนักนายกรัฐมนตรีเขาตอบหนังสือกลับมาระบุว่าส่งเรื่องรายงานให้นายกรัฐมนตรีทราบแล้วก็เป็นอันเสร็จสิ้นกรบวนความในการรับเรื่องร้องเรีนนจากประชาชนหรืออย่างไร

                “ผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านและตนพร้อมน้อง ๆ สื่อมวลชนเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ต้องนับภาระค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มากมาย ตนจะจัดกิจกรรมระดมทุนสู้คดีนี้ โดยการจัดเลี้ยงน้ำชา-กาแฟ ในพื้นที่ อ.จุฬาภรณ์ อาจจะหน้าที่ว่าการอำเภอ หรือหน้าโรงพัก โดยจะเชิญตั้งแต่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สนช. ปลัดกระทรวง อธิบดี ผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอทุกอำเภอ ผู้บริหารองค์การปกครองท้องถิ่นทั้งจังหวัด ผู้บังคับการ ฯและ ผู้กำกับการทั้งจังหวัด กำนันผู้ใหญ่บ้านทั้งจังหวัด มาร่วมรับเลี้ยงน่ำชา-กาแฟและร่วมสมทบทุนสู้คดีจนถึงที่สุด ซึ่งจะกำหนดวัน เวลา และสถานที่ที่ชัดเจนอีกครั้งหนึ่งและหากได้เงินทุนมาก ๆ จะจัดตั้งเป็นกองทุนช่วยเหลือชาวบ้านที่ตกเป็นเหยื่อในลักษณะนี้ต่อไป” นายไพฑูรย์ กล่าวย้ำในที่สุด .

ภาพ/ข่าว/คลิป/ศูนย์ข่าวคา 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

กราบหัวใจ!? เปิดตัวผู้ใหญ่บ้านใจเพชรไม่ยอมทิ้งชาวบ้านเหยื่อนายทุนเงินกู้นอกระบบ-ลั่นยอมติดคุกพร้อมชาวบ้านหลังร้องสื่อช่วยและโดนฟ้อง(ชมคลิป)

ภาพ/ข่าว/คลิป/ศูนย์ข่าวคา 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช