ช็อกตาแตก!!! อ่านด่วน! องค์การอนามัยโลกสรุปแล้วว่า"เนื้อสัตว์เป็นสารก่อมะเร็ง" ไม่ต่างจาก บุหรี่ เหล้า และสารหนู บอกเลยยิ่งกินยิ่งเสี่ยง!!!

เรื่องราวสาระน่ารู้จากเพจ "เพื่อนมะเร็งไทย Thai Cancer Society : TCS" โดยได้โพสต์ข้อความดังนี้

ช็อกตาแตก!!! อ่านด่วน! องค์การอนามัยโลกสรุปแล้วว่า"เนื้อสัตว์เป็นสารก่อมะเร็ง" ไม่ต่างจาก บุหรี่ เหล้า และสารหนู บอกเลยยิ่งกินยิ่งเสี่ยง!!!

#เนื้อสัตว์เป็นสารก่อมะเร็ง?

#ในที่สุด #องค์การอนามัยโลกก็สรุปแล้วว่า 
เนื้อสัตว์แปรรูป เช่น เบค่อน แฮม ไส้กรอก เป็นสารก่อมะเร็ง 
เช่นเดียวกับบุหรี่ แร่ใยหิน เหล้า และสารหนู 
ส่วนเนื้อแดง คือ เนื้อวัว เนื้อแกะ และเนื้อหมูนั้น น่าจะเป็นสารก่อมะเร็ง

#องค์กรวิจัยมะเร็งนานาชาติ (IARC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) รายงานว่า บัดนี้ มีหลักฐานชัดเจนพอเพียงที่จะสรุปได้แล้วว่า เนื้อสัตว์แปรรูป ซึ่งหมายถึงเนื้อรมควัน เนื้อเค็ม หรือผ่านการถนอมอาหารแบบอื่น เหล่านี้เป็นสารก่อมะเร็งกลุ่มที่หนึ่ง คือ มีความสัมพันธ์กับ การเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่อย่างแน่นอน ส่วนเนื้อแดงทั้งหลาย ถูกจัดว่าเป็น สารก่อมะเร็งกลุ่มที่สองเอ คือ น่าจะเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งตับอ่อน และมะเร็งต่อมลูกหมาก ในขณะที่เนื้อไก่ เนื้อปลา ไม่สัมพันธ์กับมะเร็งเลย

ช็อกตาแตก!!! อ่านด่วน! องค์การอนามัยโลกสรุปแล้วว่า"เนื้อสัตว์เป็นสารก่อมะเร็ง" ไม่ต่างจาก บุหรี่ เหล้า และสารหนู บอกเลยยิ่งกินยิ่งเสี่ยง!!!

#ข้อสรุปนี้หมายความว่า ผู้ที่กินเนื้อแปรรูปจำพวก เบค่อน แฮม ไส้กรอก ยิ่งมากเท่าไร ก็จะเสี่ยงเป็นมะเร็งมากขึ้นเป็นเงาตามตัว คำนวณว่าความเสี่ยงมะเร็งลำไส้เพิ่มขึ้น 18% ต่อการกิน 50 กรัมต่อวัน

#ชาวตะวันตกกินเนื้อมากกว่าชาวเอเชีย ประชากรของประเทศตะวันตก และออสเตรเลีย จึงมีอัตราการเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ สูงกว่าประเทศในแถบเอเชีย IARC ใช้เวลาพิจารณาเป็นปี กว่าจะได้ข้อสรุปนี้ แน่นอนว่าทำให้อุตสาหกรรมอาหารเดือดร้อน และออกมาคัดค้านว่า เนื้อสัตว์จะมีอันตรายเทียบเคียงกับบุหรี่ได้อย่างไร?

#การกินเนื้อสัตว์ เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่ามันอันตรายเท่าบุหรี่ บุหรี่อันตรายกว่ามาก การสูบบุหรี่เพิ่มความเสี่ยงมะเร็ง 20-200 เท่า และก่อให้เกิดมะเร็งปอด และมะเร็งอื่นอีกหลายชนิด ถ้าจะลดจำนวนคนเป็นมะเร็ง การลงทุนลงแรงรณรงค์ ไม่ให้คนเข้าถึงบุหรี่จะมีประสิทธิภาพกว่ามาก รองลงมาคือการงดเหล้า และลดน้ำหนัก

#องค์กรด้านมะเร็งอื่น ๆ ทั่วโลก รวมทั้ง องค์กรวิจัยมะเร็งสหราชอานาจักร Cancer Research UK และ เพื่อนมะเร็งไทย ต่างก็เห็นดีด้วยกับข้อสรุปของ IARC อย่างไรก็ดี การงดเนื้อสัตว์ ไม่สามารถป้องกันมะเร็งได้อย่างชงัด อย่างมากก็แค่ลดความเสี่ยงที่จะเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่ แต่ไม่ลดความเสี่ยงมะเร็งอื่น ดังนั้นถ้าชอบกิน ก็ควรกินต่อไป แต่ลดลงมาบ้าง แล้วกินผักเพิ่ม ผลไม้เยอะ ๆ ถ้าเป็นไปได้ก็ควรจะกินเนื้อแดง ซึ่งหมายถึง เนื้อวัว หมู และแกะ ไม่เกินครึ่งกิโลกรัมต่อสัปดาห์

ช็อกตาแตก!!! อ่านด่วน! องค์การอนามัยโลกสรุปแล้วว่า"เนื้อสัตว์เป็นสารก่อมะเร็ง" ไม่ต่างจาก บุหรี่ เหล้า และสารหนู บอกเลยยิ่งกินยิ่งเสี่ยง!!!

#ที่ไม่แนะนำให้งดทั้งหมด ก็เพราะว่าเนื้อก็มีประโยชน์ด้านอื่น เนื้อแดง เป็นแหล่งสำคัญ ของธาตุเหล็ก ป้องกันเลือดจาง เช่นเดียวกับเลือด และตับ และเนื้อสัตว์ก็เป็นแหล่งโปรตีน ที่สำคัญ และครบถ้วน

#เราอาจจะลองงดกินเนื้อ ดูสักพักกันก็ได้ หลายคนเคยลองแล้ว ก็พบว่าก็สามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ แล้วในที่สุดก็เลิกอยากกินไปเอง แต่ถ้าไม่ใช่ทางของเรา ก็ไม่จำเป็นต้องทรมานตัวเอง จงอยู่อย่างมีความสุข ให้รางวัลตัวเองบ้าง แล้วพาตัวเองไปตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยการส่องกล้องทางทวารหนักทุก 5 ปี ถ้าเป็นมะเร็งก็จะเจอในระยะเริ่มแรก ตัดออกก็หาย ถึงแม้เลือกงดกินเนื้อสัตว์ ก็พึงตรวจกรองหามะเร็งลำไส้ใหญ่ตั้งแต่อายุ 50 ปีทุกคนเช่นเดียวกัน...

ศ.นพ.อิศรางค์ นุชประยูร
ที่ปรึกษาชมรมเพื่อนมะเร็งไทย

ช็อกตาแตก!!! อ่านด่วน! องค์การอนามัยโลกสรุปแล้วว่า"เนื้อสัตว์เป็นสารก่อมะเร็ง" ไม่ต่างจาก บุหรี่ เหล้า และสารหนู บอกเลยยิ่งกินยิ่งเสี่ยง!!!

Cr.เพื่อนมะเร็งไทย Thai Cancer Society : TCS