ตะลึง! พบฝูงตัวอ่อนตัวเล็กลูกแมงมุมพิษร้าย "แม่หม้ายสีน้ำตาล" ถ้ำเต่า 1 ใน 8 แหล่งท่องเที่ยวทองแสนขัน เตือนอย่าใช้มือสัมผัสผนังถ้ำ

 

 

 

ตะลึง! พบฝูงตัวอ่อนตัวเล็กลูกแมงมุมพิษร้าย "แม่หม้ายสีน้ำตาล" เจอในถ้ำเต่า 1 ใน 8 แหล่งท่องเที่ยวสำคัญทองแสนขัน เตือนนักท่องเที่ยวอย่าใช้มือสัมผัสผนังถ้ำ ต้องมีเจ้าหน้าที่นำพาไปด้วย รายงานหัวหน้าอุทยานฯ นำผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ ค้นอีกกว่า 1 ชั่วโมง ยังไม่เจอแมงมุมไร้ตา สายพันธุ์แปลกของโลก   

เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 61 ที่บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่หรือถ้ำจัน หมู่ 1 บ้านน้ำหมีใหญ่ ต.ผักขวง อ.ทองแสนขัน จ.อุตรดิตถ์ น.ส.ธนธรณ์  ใจงาม  เจ้าหน้าที่ฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยาน พร้อมด้วย น.ส.อุเทน ดีบุญ  เจ้าหน้าที่ฝ่ายนันทนาการและสื่อความหมาย ร่วมกับเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ(ถ้ำจัน) เข้าตรวจสอบพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวถ้ำเต่า 1 ใน 8 แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของถ้ำจัน แหล่งท่องเที่ยวประจำอำเภอทองแสนขัน ตามคำสั่ง นายมีเดช  พงศ์จันทรเสถียร  นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ  หัวหน้าอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ กรณีมีการแผยแพร่ทางสื่อออนไลน์ว่าพบ "แมงมุมไร้ตา"  สายพันธุ์แปลกของโลก ในบริเวณถ้ำเต่าแห่งนี้ โดยเจ้าหน้าที่ได้นำอุปกรณ์ประกอบด้วย ไฟฉาย ถุงพลาสติกใช้จับแมงมุม พร้อมด้วยขวดพลาสติกสำหรับใส่แมงมุม เพื่อนำตรวจสอบหากพบเจอ

เดินเท้าจากหน้าถ้ำจันไปจนถึงถ้ำเต่าระยะทางประมาณ 300 เมตร ทางลงถ้ำเดินลงสะดวกไม่ลำบากสำหรับนักท่องเที่ยว ถึงในถ้ำจะพบทางลอดที่ต้องก้มต่ำหรือคลานมุดเข้าไปภายใน ถ้ำอีกห้องหนึ่งที่มีความเย็นและชื้น เจ้าหน้าที่ใช้ไฟฉายส่องไปยังบริเวณผนังถ้ำ พบแมงมุมหลากหลายชนิดอาศัยอยู่ภายใน ประกอบด้วยแมงมุม 8 ตา แมงมุม 6 ตา มีทั้งขาสั้นและขายาว แมงมุม 4 ตา แมงมุม 2 ตา 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่พบรังแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล มีถุงพร้อมตัวลูกอ่อนและตัวขนาดเล็กจำนวนมาก จึงจับใส่ขวดพลาสติก จำนวน 1 ตัว เพื่อพิสูจน์ความชัดเจน แต่ไม่พบแมงมุมไร้ตาตามที่เป็นข่าวเผยแพร่ผ่านสื่อออนไลน์ 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

เจ้าหน้าที่เดินตรวจสอบโดยรอบของถ้ำพบค้างคาวไม่ทราบชนิด ตื่นแสงไฟและบินว่อนอยู่เหนือศีรษะจำนวนมาก ตรวจพบจิ้งหรีดอาศัยกินหยดน้ำและตะไคร่น้ำที่เกาะอยู่บนผนังถ้ำ โดยพบว่าถ้ำแห่งนี้เป็นวงจรวัฏจักรสิ่งแวดล้อม จิ้งหรีดกินตะไคร้น้ำและหยดน้ำ ส่วนแมงมุมกินจิ้งหรีด ใช้เวลาในการตรวจสอบหาแมงมุมไร้ตาสายพันธุ์แปลกของโลกกว่า 1 ชั่วโมง ไม่พบจึงเดินทางออกจากถ้ำ เพื่อนำแมงมุมที่จับได้มาตรวจสอบบนโต๊ะม้าหินหน้าหน่วยพิทักษ์อุทยานฯถ้ำจัน 

 

จากการตรวจสอบแมงมุมที่จับได้ส่องด้วยกล้องขยายขนาดเล็ก ชนิดส่องดูรายละเอียดเนื้อพระพบว่า แมงมุมที่จับได้นั้นมี 5 สายพันธุ์ อาทิ แมงมุม 8 ตา แมงมุม 6 ตาเล็ก ชนิดขายาว ซึ่งใกล้เคียงกับแมงมุมไร้ตาเพียงแต่ที่พบมีดวงตา และแมงมุม 4 ตา แมงมุม 2 ตา ส่วนลูกแมงมุมที่จับมาได้ส่องด้วยกล้องและสายตา พบลักษณะคล้ายแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล ที่บริเวณก้นมีลักษณะกลมและมีลายจุดเหมือนนาฬิกาทราย แต่ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าดวงตามีกี่ดวง 

ลักษณะของแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล จะมีจุดสีดำสลับขาวตรงท้องข้างละ 3 จุด รวมเป็น 6 จุด กลางท้องมีเครื่องหมายสีแดงเป็นรูปนาฬิกาทราย มีพิษร้ายแรงกว่างูเห่าหลายเท่า พิษนั้นรุนแรงสามารถทำลายระบบเลือดและระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายมนุษย์ วางไข่ครั้งละ 120-150 ฟอง ยังไม่มีเซรุ่มหรือยาถอนพิษ ทำได้แค่รักษาตามอาการ ผู้ถูกกัดจะมีอาการแพ้อย่างแรง แผลจะเหวอะหวะ มีผื่นบวมแดงเจ็บปวด มีหนอง แผลจะหายช้ามาก ต้องรอให้พิษหมดไปเอง

น.ส.ธนธรณ์  เจ้าหน้าที่ฝ่ายศึกษาวิจัยอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่ กล่าวว่า จากการตรวจสอบแมงมุมภายในถ้ำเต่า ตอนนี้ยังไม่พบแมงมุมไร้ตาตามที่เป็นข่าวผ่านสื่อออนไลน์ พบเพียงแต่แมงมุม 8 ตา แมงมุม 6 ตาเล็กขายาว ซึ่งมีลักษณะรูปร่างคล้ายแมงมุมไร้ตา แตกต่างกันตรงที่มีดวงตา และพบลูกแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล เตรียมทำบันทึกรายงานแจ้งให้หัวหน้าอุทยานแห่งชาติต้นสักใหญ่รับทราบในเบื้องต้น เพื่อนำผู้เชี่ยวชาญด้านแมงมุมเข้าตรวจสอบแมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาลภายในถ้ำอีกครั้งหนึ่ง หาวงจรการเกิดและการขยายพันธุ์ภายในถ้ำ รวมถึงค้นหาแมงมุมไร้ตาอีกรอบหนึ่ง เพื่อยืนยันความชัดเจนว่ามีจริงหรือไม่มี ให้คลายความสงสัยกับนักท่องเที่ยวต่อไป

น.ส.ธนภรณ์ กล่าวว่า ภายในถ้ำมีอันตรายจากแมงมุมที่มีพิษและงู จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ฝ่ายท่องเที่ยวนำพาเข้าไปเพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย เมื่อมาเที่ยวถ้ำแล้วอย่าหนีไปกันเอง เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวได้ ภายในถ้ำ มีซอกหลืบที่อาจทำให้หลงทาง และอย่าใช้มือสัมผัสผนังถ้ำเพราะอาจเจอแมงมุมที่มีพิษทำอันตรายต่อร่างกายได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แมงมุมแม่หม้ายสีน้ำตาล มีถิ่นกำเนิดในประเทศอเมริกาเหนือ พบระบาดในประเทศไทยรวมแล้ว 20 จังหวัด อาทิ กรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรสงคราม กาญจนบุรี ตาก กำแพงเพชร แม่ฮ่องสอน เชียงราย อุบลราชธานี มุกดาหาร นครศรีธรรมชาติ พัทลุง สงขลา ภูเก็ต อุตรดิตถ์ถือเป็นจังหวัดที่ 21 พบในครั้งนี้ 

 

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว สมภพ  สินพิพัฒนฤดี ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ภาคเหนือ จังหวัดอุตรดิตถ์