ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

วันที่ 22 พฤษภาคม 2561  พลตำรวจเอกวิระชัย ทรงเมตตา รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วยนายสุวิทย์ คำดี ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา นายชาธิป รุจนเสรี รองผู้ว่าราชการจังหวัด  พล.ต.ต.ธีรพล จินดาหลวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรเมืองฉะเชิงเทรา พลตรีวรยุทธ แก้ววิบูลย์พันธุ์ ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 11   พลตรีพณิชย์ ศิริพละ รอง ผอ.กอ.รมน.ฉะเชิงเทรา   นางสาวสลาลีวรรณ ทัพทวี นายอำเภอแปลงยาว และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ผู้แทนกระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เข้าตรวจสอบโรงงานรีไซเคิลขยะอิเล็กทรอนิกส์ บริษัท ดับบลิว เอ็ม ดี ไทย รีไซคลิ้ง จำกัด เลขที่ 33 ม.12 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ซึ่งโรงงานดังกล่าวได้ลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์เพื่อนำมาเผาหลอมแผงวงจรอิเล็คทรอนิกส์ สร้างผลกระทบที่เป็นมลพิษและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา  ซึ่งขณะเข้าตรวจสอบพนักงานกว่า 250 คน ยังคงทำงานเป็นปกติ

รอง ผบ.ตร. นำทีมบุกตรวจโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมประสานผู้รับผิดชอบสั่งปิดทันที

รอง ผบ.ตร. นำทีมบุกตรวจโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมประสานผู้รับผิดชอบสั่งปิดทันที

ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างด้าวชาวลาว กัมพูชา และเมียนม่า (พม่า )ได้ค่าแรงเดือนละ 9,000 บาท แต่ละคนไม่มีความรู้เรื่องขยะพิษ และไม่รู้ถึงพิษภัยของสารพิษดังกล่าว           พล.ต.อ.วิระชัย ทรงเมตตา รองผูบัญชาการตำรวจแห่งชาติ กล่าวว่า พลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัย สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้ากวาดล้างนายทุนต่างชาติ ที่ลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรม ซึ่งโรงงานนี้ไม่ได้รับอนุญาตในการคัดแยกขยะ มีหลายขั้นตอนที่ไม่ถูกต้อง และมีการลักลอบนำเข้ากากขยะอุตสาหกรรมเหล่านี้ ที่ประเทศทั่วโลกหาวิธีการทำลาย แต่กลับนำเข้ามาในไทย ซึ่งในการกำจัดขยะนั้น เป็นเรื่องที่สร้างผลกระทบอย่างสูงต่อสิ่งแวดล้อมในประเทศ เพราะในขยะอิเล็คทรอนิกส์ดังกล่าว มีสารตะกั่วโลหะหนัก สารปรอท เป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจ ระบบประสาท ระบบสืบพันธุ์ ทำลายระบบเลือด และยังมีสารก่อมะเร็งด้วย นอกจากนี้ยังยังพบว่าขยะดังกล่าว เป็น 1 ใน 24 ขยะอันตราย และเป็นของต้องห้ามอย่างเด็ดขาดด้วย        สำหรับบริษัท ดับบลิว เอ็ม ดี ไทย รีไซคลิ้ง จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 33 ม.12 ตำบลแปลงยาว อำเภอแปลงยาวจังหวัดฉะเชิงเทรา เจ้าของโรงงานเป็นนักลงทุนชาวต่างชาติ จดทะเบียนไม่ถูกต้อง และได้ลักลอบนำขยะกากอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ต้องห้ามเข้าประเทศไทย

รอง ผบ.ตร. นำทีมบุกตรวจโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมประสานผู้รับผิดชอบสั่งปิดทันที

รอง ผบ.ตร. นำทีมบุกตรวจโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมประสานผู้รับผิดชอบสั่งปิดทันที

ซึ่งมีโทษตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติ พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ.2535  ม.8(5) ข้อหา ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานและวิธีการควบคุมการปล่อยของเสีย มลพิษหรือสิ่งใดๆ มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมซึ่งเกิดขึ้นจากการประกอบกิจการโรงงาน อัตราโทษ ตาม ม.45 ปรับไม่เกิน 200,000 /พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ.2535  ม.23 ข้อหานำเข้ามาซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 (ขยะอิเล็กทรอนิกส์) โดยไม่ได้รับอนุญาต อัตราโทษ ตาม ม.73 จำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ /พ.ร.บ.สาธารณสุข ม.25 – 28/1 ก่อเหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ชุมชน ตาม ม.74 จำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท /พ.ร.บ.โรงงาน 2535 ม.13 ประกอบกิจการโดยไม่ได้รับแจ้ง ปรับไม่เกิน 20,000 บาท  /พ.ร.บ.คนเข้าเมือง  พ.ศ.2522 ม.54 คนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ม.64 ให้ที่พักพิง ช่วยเหลือ ซ่อนเร้น บุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง จำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท /พ.ร.บ.การทำงานของแรงงานต่างด้าว  ม.27 รับคนต่างด้าวที่ไม่มีใบอนุญาตทำงานเข้าทำงานปรับ 10,000 – 100,000 บาท ม.51 เป็นคนต่างด้าวทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับ 2,000 – 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และในวันนี้กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกคำสั่งสั่งปิดสถานประกอบการแห่งนี้แล้ว      

รอง ผบ.ตร. นำทีมบุกตรวจโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมประสานผู้รับผิดชอบสั่งปิดทันที

รอง ผบ.ตร. นำทีมบุกตรวจโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมประสานผู้รับผิดชอบสั่งปิดทันที

รอง ผบ.ตร. นำทีมบุกตรวจโรงงานอุตสาหกรรมลักลอบนำเข้ากากอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ผิดกฎหมาย พร้อมประสานผู้รับผิดชอบสั่งปิดทันที

ภาพ / ข่าว  ก้องเกียรติ  พุทธิรังสิมาภรณ์  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.ฉะเชิงเทรา