- 23 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เช็คด่วนๆ พัดลมบ้านใครมีอาการไม่ส่าย ไม่หมุนบ้าง อย่าเข้าใจผิด บางทีมอเตอร์ไม่ได้เสีย แต่พัดลมไม่ยอมส่าย งานนี้แก้ง่ายๆ ด้วยงบแค่ 30 บาท ไม่ต้องอ่าน ไม่ต้องงง เพียงแค่ดูคลิปนี้ ม้วนเดียวจบ คุณก็กลายเป็นช่างมืออาชีพได้เลย อย่าลืมแชร์เก็บไว้ได้ใช้ประโยชน์แน่นอน
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่บ้านมีพัดลมหมุนช้า แม้แกะมาลองทำความสะอาดแล้วก็ยังไม่ได้ผล นั้นแสดงว่าพัดลมของคุณกำลังมีปัญหา ซึ่งอาการเสียที่ว่าเกิดจากตัว Capacitor ที่ทำงานร่วมกับ Motor ของพัดลม Capacitor หรือที่เรียกว่าตัว C หรือบางคนเรียกตัว CAP จริงๆ อาการพัดลมหมุนช้า ไม่หมุน โดยมากเกิดได้จาก 2 สาเหตุ ก็คือ Motor เสีย และตัว Capacitor ค่ามันเสื่อมหรือเสีย ซึ่งโอกาสที่จะเสียมากที่สุดก็เป็นเจ้าตัว C นี่ ส่วนอาการอื่นๆ ที่อาจจะเกิดตัว C เสียได้อีกก็คือ พัดลมไม่หมุน หรือ ต้อง Start ด้วยมือก่อนถึงจะทำงาน หรือ ทำงานไปซักพักก็ค่อยๆ หยุด จับตัว C เปลี่ยนได้เลยเช่นกัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรจะตรวจเช็คดูก่อนว่าแกนหมุนไม่ได้ฝืดมาก อันนั้นเกิดจากไม่ค่อยได้ถอดมาล้างทำความสะอาด เป่า ปัด ฝุ่นบริเวณมอเตอร์เลย ซึ่งควรทำเป็นประจำ 2-3 เดือนซักครั้งนึงหากเราใช้งานทุกวัน งานนี้คุณ Control.A ได้ออกมาเผยวิธีเด็ดในการพิชิตปัญหาพัดลมเสีย ไปดูพร้อมๆกันเลย
เครื่องมือที่ใช้ก็มี
1. ไขควงแฉก
2. คีมตัดหรือ Cutter ก็ได้
3. หัวแร้ง
4. ตะกั่วบัดกลี
5. ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือตัว C หรือตัว CAP
6. ส่วน Meter วัดไฟจะมีหรือไม่มีก็ได้ ไม่ค่อยจำเป็น แต่เอามาเช็คเพื่อให้เห็นว่าตัวที่เสียเกิดจากตัว C
ตัว C ราคา 20 บาท ซื้อได้ที่ร้านอมร หากใครมีโอกาสไปเดินบ้านหม้อก็อาจจะหาได้ในราคา 10-15 บาท หรือร้านที่ขายอะไหล่เครื่องใช้ไฟฟ้า แล้วแต่สะดวก ส่วนจะรู้ได้อย่างไรว่าใช้ค่าแบบไหนสำหรับตัวที่เราจะซ่อม ก็ต้องถอดพัดลมมาดูก่อนครับ ซึ่งโดยทั่วๆ ไป (เกือบทุกยี่ห้อทุกรุ่น) ก็จะใช้ค่า 1.5uF(Micro Farad) 400V แต่เพื่อชัวร์ก็ควรจะถอดรื้อดูก่อน หรือเอาตัวอย่างไปถามที่ร้านขายได้เลย บอกคนขายว่า C พัดลม
ขั้นตอนแรกก็ถอด ๆ ก่อนที่จะถอดอย่าลืมดึงปลั๊กก่อนนะครับ อันนี้สำคัญมากๆ ทุกยี่ห้อของพัดลมเจ้าตัว C จะอยู่ติดกับ Motor ครับ เพราะหากลากสายยาวไป สายที่เพิ่มขึ้นก็อาจจะทำให้ค่า C เพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ เพราะฉะนั้นบริษัทผู้ผลิตก็จะเอาไว้ติดกับ Motor ครับ โดยจะมีน๊อต 2 ตัว ต้องถอดน๊อตตัวบนก่อน จากนั้นก็ถอดตัวที่ท้ายครับ
หลังจากนั้นก็จะได้หน้าตาแบบนี้ครับ ตัว C ก็คือที่ลูกศรชี้ไว้นั่นแหละครับ ขันน๊อตตัดสายออกมาได้เลย ไม่มีขั้วครับ ตอนต่อกลับต่อยังไงก็ได้
เอามาตรวจวัดให้ดูครับ ค่าที่ได้ของตัวนี้คือ 0.444 uF ซึ่งค่าปกติจะเป็น 1.5 uF เสียแน่นอน ซึ่งถ้าค่าน้อยกว่านี้อาจจะทำให้พัดลมไม่หมุนเลยก็ได้ *** ค่าที่โชว์ในรูปคือ 444.2 nF (Nano Farad) ซึ่งก็เท่ากับ 0.4442 uF (Micro Farad) ซึ่งก็คล้ายๆ กับ 1000 มิลลิกรัม เท่ากับ 1 ครับ 1000 เท่ากับ 1 กิโลกรัม นั่นแหละครับ ซึ่งจริงๆ ค่าพวกนี้มันแบ่งย่อยได้ลงไปอีก มิลลิ ---> ไมโคร ---> นาโน ---> พิโก้ ใครเรียนมาทางสายวิทย์อาจจะคุ้นเคย ****
มาดูพระเอกของเราครับ ค่าที่วัดได้คือ ....1.543 uF ครับ
จากนั้นก็ปอกสายไฟตรงปลายเพื่อบัดกลีครับ ต้องระมัดระวังไม่ไปทำให้ส่วนอื่นๆ ของพัดลมเสียหายนะครับ เพราะขดลวด motor จะเล็กมากๆ ขาดเอาได้ง่าย จริงๆ ขั้นตอนนี้ใครไม่มี หัวแร้ง ตะกั่ว ก็สามารถใช้วิธีการพันสายไฟได้ครับ เพียงแต่ต้องพันเข้ากันให้แน่นหนาที่สุด และหลังจากนั้นต้องพันด้วยเทปพันสายไฟอีกครั้ง อันนี้จำเป็นมากๆ นะครับไม่งั้นไฟช๊อตเอาได้
เสร็จแล้วก็จัดเก็บตำแหน่งครับ ขันน็อตยึดตัว C หรือหากตัวใหม่ที่ซื้อมาไม่มีขาสำหรับยึดน็อต เหมือนที่ผมซื้อมาก็ใช้กาวสองหน้าได้ครับ จากนั้นก็ใส่ฝาครอบคืนตำแหน่ง ใส่ขาที่สำหรับดึงให้พัดลมส่าย คืนตำแหน่งครับ
จากนั้นเป็นอันเรียบร้อยครับ ซ่อมพัดลมด้วยงบประมาณ 20 บาท หากยกไปหาช่างก็ประมาณ 100-150 บาท สำหรับใครที่เปลี่ยนตัว C ไปแล้วพัดลมยังไม่หมุน (ส่วนคนที่หมุนช้านี่กลับมาปกติแน่นอน) อาการเสียเป็นที่ Motor ค่อนข้างแน่ (ควรแกะฝาล่างดูว่าสายไฟขาดหรือเปล่าก่อนนะ ต้องระมัดระวังหน่อยนะครับ) อาการ Motor เสียค่าซ่อมประมาณ 200-300 บาท ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยคุ้มสำหรับคนที่มีพัดลมตัวเล็ก ๆ ราคา 300-500 บาท ลองซ่อมดูได้ครับ สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องพัดลม อากาศร้อนๆ ได้รับลมเย็นๆ จะได้ใจเย็นๆ อารมณ์ดีๆ กันครับ
สำหรับใครที่อ่านแล้วมองว่ายาก ใครไม่เข้าใจลองทำตามในคลิปได้เลย
ขอบคุณคลิปจาก Bang DIY และ Control.A