- 24 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม 2561 พ.อ.สมศักดิ์ แจ่มพันธ์ รองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน จ.เลย (กอ.รมน.เลย) พร้อมด้วย พ.อ.พวงเพชร เกษสุภะ หัวหน้าชุดปฏิบัติการพิเศษ ศปป.4 กอ.รมน.สวนรื่นฤดี และนายบุญเศรษฐ์ มานะดี ผู้อำนวยการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จ.เลย ลงพื้นที่แปลงปลูกป่าตามโครงการประสานงานเพื่อการป้องกันและแก้ไขด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พื้นที่บ้านน้ำหมัน และบ้านหมากแข้ง ตำบลกกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย โดยมีผู้นำชุมชน และเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการให้การต้อนรับ และพาเข้าดูพื้นที่ปลูกป่า
พ.อ.สมศักดิ์ แจ่มพันธ์ รองผู้อำนวยการ รมน.จังหวัดเลย กล่าวว่า โครงการดังกล่าวได้ดำเนินการตามนโยบายฟื้นฟูพื้นที่ภูเขาหัวโล้นของกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งจังหวัดเลย โดยเฉพาะในพื้นที่ ต.กกสะทอน อำเภอด่านซ้าย เป็นป่าต้นน้ำลำธารหลายสายที่สำคัญ รวมทั้งแม่น้ำป่าสักด้วย ซึ่งปัจจุบันป่าไม้ได้ถูกแผ้วถาง บุกรุกขยายพื้นที่ทำกิน ปลูกพืชเชิงเดี่ยว ทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง หน้าดินพังทลาย และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอีกหลายประการ
เป็นสมาชิกของกองทุนฯ มาเข้าร่วมโครงการปลูกป่าในที่ดินของตนเอง ซึ่งจะทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการปลูกผลิตทางการเกษตรควบคู่ไปกับการปลูกไม้ยืนต้น โดยมีงบประมาณสนับสนุนจากทางราชการ หากโครงการการได้ดำเนินการแล้ว ผลที่จะได้รับคือ เกษตรกรมีรายได้ สามารถนำเงินไปชำระหนี้สินเดิมได้ และที่สำคัญ ป่าไม้ก็จะได้รับการฟื้นฟูให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ดังเดิม พ.อ.สมศักดิ์กล่าว
นายบุญเศรษฐ์ มานะดี ผู้อำนวยการกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร จ.เลย กล่าวว่า หลังจากที่ได้นำเสนแนวคิดโครงการนี้ให้แก่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกของกองทุนฯทราบ มีเกษตรกรแจ้งความจำนงขอเข้าร่วมโครงการจำนวนมาก แต่ด้วยข้อจำกัดของงบประมาณจึงสามารถให้เกษตรกรเข้าร่วมโครงการได้เพียง 350 คน จาก 8 หมู่บ้าน ของตำบลกกสะทอน รวมพื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่ ซึ่งการปลูกป่าตามโครงการนี้ จะไม่เหมือนการปลูกป่าโดยหน่วยงานราชการที่เคยทำกันมา เป็นการปลูกป่าที่เกษตรกรเข้ามามีส่วนร่วม และเป็นความต้องการของเขาเอง ทางโครงการจะสนับสนุนพันธุ์ไม้ยืนต้นปลูกในที่ดินทำกินของตนเองที่เป็นภูเขาหัวโล้นเดิม คนละ 10 ไร่ ปลูกไม้สามอย่าง ประโยชน์สี่อย่าง ประกอบด้วยไม้ผล ไม้ถาวร และไม้เศรษฐกิจ ตามแนวพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 โดยทางโครงการจะสนับสนุนเงินสำหรับซื้อกล้าไม้ และบำรุงรักษาไร่ละ 200 ต่อปี หรือไร่ละ 1,000 บาท ในระยะเวลา 5 ปี พร้อมจัดหาพ่อค้ามารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรโดยตรงด้วย
หลังจากการดำเนินโครงการนี้ผ่านไป 5 ปี แล้ว เชื่อว่าจะทำให้มีป่าเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 3,000 ไร่ ทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10,000 บาทต่อปี ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกลับคืนมาอุดมสมบูรณ์ แก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งได้ เกษตรกรมีจิตสำนึกต่อการดูแลรักษาป่าด้วยตนเองอย่างยั่งยืน ซึ่งจังหวัดเลยถือเป็นพื้นที่ต้นแบบในการปลูกป่ารูปนี้
“เราสูญเสียเงินไปกับการปลูกป่าแบบเดิมๆมามากแล้ว ราชการเกณฑ์ชาวบ้านมาปลูก ปลูกเสร็จก็หันหลังให้ต้นไม้” นายบุญเศรษฐ์ กล่าว
ด้านนางนิตยา กุลาชัย เกษตรกรบ้านน้ำหมัน ต.กกสะทอน สมาชิกโครงการฯ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ชาวบ้านก็ปลูกแต่ข้าวโพด แก้วมังกร มันสำปะหลัง และกะทกรก ต้องใช้สารเคมีปราบศัตรูพืชตลอด ดินก็เสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ หนี้สินกลับเพิ่มขึ้นสวนทางกับรายได้ เมื่อทางราชการมีโครงการนี้เข้ามา พวกตนก็ยินดีเข้าร่วมทันที อยากปลูกพืชผลแบบนี้มานานแล้ว แต่ไม่มีเงิน มั่นใจว่าหลังจากนี้ผืนดินจะกลับมาสมบูรณ์เหมือนในอดีต สมัยปู่ย่าตายาย หากดินดี ปลูกอะไรก็ดี รายได้ก็จะตามมา ทำให้ปลดนี้ได้อย่างแน่นอน นางนิตยากล่าว.
ภัทราวุธ บุญประเสริฐ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.เลย