- 24 พ.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
เรื่อง "รามเกียรติ์" เป็นวรรณคดีสำคัญ ที่แต่งกันมาหลายยุคสมัยตั้งแต่อยุธยาจนรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่ว่าแต่งเป็นตอนๆแล้วแต่กวีจะจับตรงไหนขึ้นมา เช่นโคลงทศรถสอนพระราม พาลีสอนน้อง ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ฯ
ในสมัยธนบุรีซึ่งรบทัพจับศึกกันอย่างหนักตลอด 15 ปี พระเจ้าแผ่นดินก็ยังทรงเห็นความสำคัญเชิงวัฒนธรรมของบ้านเมืองอยู่ จึงมีงานกวีปรากฏออกมาเป็นระยะๆ ไม่ได้ขาดหายไป
เรื่องรามเกียรติ์ในสมัยธนบุรี นับเป็นพระราชนิพนธ์ ไม่ว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินทรงพระราชนิพนธ์เองทั้งหมด หรือว่าโปรดให้กวีในราชสำนักไปแต่งแล้วทรงตรวจตราขัดเกลาเอง ก็เรียกว่าพระราชนิพนธ์ได้ทั้งสองทางเอกสารที่พบมีเป็นตอนๆ ไม่ใช่ทั้งเรื่องต้นจนจบ คงเป็นเพราะไม่มีเวลามากพอ
จากข้อความในพระราชพงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา จดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีและพระราชวิจารณ์ ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเล่าเรื่องหนังสือรามเกียรติ์ ซึ่งธนิต อยู่โพธิ์ เรียบเรียง ปรากฏว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เสด็จกลับจากราชการสงครามเมืองนครศรีธรรมราชเมื่อเดือน ๔ ปลาย พ.ศ. ๒๓๑๒
ทรงนำเจ้านครกับครอบครัวพร้อมทั้งคณะละครผู้หญิงมายังกรุงธนบุรีและในครั้งนั้นอาจได้บทละครจากนครศรีธรรมราชเข้ามาด้วย ต่อมาในเดือน ๖ พ.ศ.๒๓๑๓ นั้นเอง ได้มีใบบอกรายงานเรื่องเจ้าพระฝางประพฤติมิชอบตั้งตัวเป็นใหญ่ เมื่อทรงทราบก็รับสั่งให้เตรียมการสงครามและเสด็จกรีธาทัพไปปราบเจ้าพระฝาง ณ เมืองสวางคบุรี เมื่อเดือน ๘ พ.ศ. ๒๓๑๓ หากพิจารณากำหนดเวลาที่ทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ตามบานแผนกที่ว่า วันอาทิตย์ เดือน ๖ ขึ้น ๑ ค่ำ พ.ศ. ๒๓๑๓
ระยะเวลาที่ทรงว่างราชการสงครามสำหรับทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ก็เพียง ๑ เดือน
และการที่ทรงพระอุตสาหะทรงพระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์ขึ้นในครั้งนี้ อาจมีมูลเหตุบางส่วนจากการได้คณะละครผู้หญิงและบทละครเมืองนครศรีธรรมราชมาก็เป็นได้ พระราชนิพนธ์บทละครเรื่องรามเกียรติ์อาจได้ใช้เล่นละครหลวงในงานสมโภชครั้งสำคัญๆ ตลอดสมัยกรุงธนบุรี
บทละครเรื่องรามเกียรติ์พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช พิมพ์ครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. ๒๔๘๔
เรื่องรามเกียรติ์ของไทยได้ต้นเค้ามาจากเรื่องรามายณะของอินเดีย เรื่องรามเกียรติ์คงเข้ามาแพร่หลายในหมู่คนไทยนับแต่สมัยสุโขทัยแล้ว เพราะปรากฏคำว่า ถ้ำพระราม ในจารึกของพ่อขุนรามคำแหงมหาราชและพระนามของพระมหากษัตริย์พระองค์นี้ ก็ตั้งขึ้นตามพระนามของพระรามซึ่งเป็นพระนารายณ์อวตารนั่นเอง เรื่องรามเกียรติ์มีอิทธิพลต่อนาฏศิลป์และวรรณคดีของไทยเป็นอันมาก เรื่องนี้ผูกขึ้นเป็นบทแสดงหนัง ละครและโขน และแต่งขึ้นสำหรับอ่านโดยตรงมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา เช่น
๑. รามเกียรติ์บทพากย์ แต่งด้วยกาพย์ ใช้สำหรับพากย์หนัง สันนิษฐานว่าแต่งระหว่างรัชกาลสมเด็จพระเพทราชากับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ บทพากย์เรื่องรามเกียรติ์เหลืออยู่เป็นบางตอน สำหรับตอนนางลอยสันนิษฐานว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงนำมาแปลงใหม่และทรงใช้เป็นบทพากย์โขน
๒. รามเกียรติ์บทละคร แต่งด้วยกลอนบทละคร มีเรื่องตั้งแต่ พระรามประชุมพล ถึง องคตสื่อสาร
๓. ราชาพิลาปคำฉันท์ แต่งด้วยฉันท์ ปรากฏบางตอนในจินดามณีของพระโหราธิบดีสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
๔. โคลงพาลีสอนน้องและโคลงทศรถสอนพระราม แต่งด้วยโคลงสี่สุภาพ เชื่อกันมาว่าเป็นพระราชนิพนธ์ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เนื่องจากเรื่องรามเกียรติ์เป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งในด้านเนื้อเรื่องและบทการแสดงมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา การที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหารชทรงพระราชนิพนธ์เรื่องรามเกียรติ์ขึ้นจึงแสดงให้เห็นประจักษ์ถึงมรดกทางวัฒนธรรมที่ได้รับถ่ายทอดมาจากกรุงศรีอยุธยา
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://sites.google.com (ห้องเรียนครูเขียด (ไพฑูรย์ ศรีสุขา))
http://www.reurnthai.com
ขอบคุณข้อมูลจาก : คุณหนุ่ม บางเดื่อ
วัดบางเดื่อ อ.บางปะหัน จ.พระนครศรีอยุธยา