ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

กลายเป็นร้อนขึ้นมาทันที หลังจากกรณีเมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 24 พ.ค. เจ้าหน้านำกำลังคอมมานโด จับ “พระพุทธอิสระ” ที่วัดอ้อน้อย จ.นครปฐม  ก่อนะควบคุมตัวมาสอบปากคำที่กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.)

 

 

ตามหมายจับศาลอาญา คดีอั้งยี่ซ่องโจร และคดีปลอมพระปรมาภิไธย 2 สำนวน มาฝากขังครั้งแรกต่อศาลอาญา เป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 24 พ.ค.- 4 มิ.ย.นี้ เนื่องจากการสอบสวนยังไม่เสร็จสิ้น โดยคดีอั้งยี่ซ่องโจรยังจะต้องสอบพยานบุคคลอีกไม่น้อยกว่า 30 ปาก และรอผลตรวจสอบประวัติพิมพ์ลายนิ้วมือผู้ต้องหา และผลการตรวจพิสูจน์ของกลางจากกองพิสูจน์หลักฐาน ส่วนคดีปลอมพระปรมาภิไธย ต้องรอสอบปากคำพยานอีก 5 ปาก และรอผลการตรวจลายพิมพ์นิ้วมือ

 

ล่าสุดหลังการพิจารณาคำร้องฝากขังของพนักงานกองปราบปราม ในคดีพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อย ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีปล้นทรัพย์และเป็นหัวหน้าอังยี่ ซ่องโจร ซึ่งถูกพนักงานสอบสวนเข้าจับกุมตัวเข้าจับกุมตัวและนำตัวมาฝากขังเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาโดยพนักงานสอบสวนยื่นคัดค้านการประกันตัว ซึ่งศาลได้ใช้เวลาในการพิจารณาคำร้องฝากขังนานกว่า  4 ชั่วโมง ศาลอนุญาตอนุญาตตามคำร้องขอของพนักงานสอบสว  นรับฝากขังพระพุทธะอิสระ ผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมให้นำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ 

ต่อมาทางสำนักพุทธศาสนาได้นิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่จากวัดเสมียนนารี 3 รูป มายังศาลอาญา ก่อนเดินทางออกจากบริเวณศาลอาญาไป  ภายหลังจากทำการลาสิกขาให้พระพุทธะอิสระก่อนนำตัวไปฝากขัง

 

 

ทั้งนี้หากย้อนไปตรวจสอบบนเฟสบุ๊คของอดีตพระพุทธอิสระพบบทความสุดท้าย ซึ่งมีเนื้อหาชื่นชมตรวจสอบการทุจริตตลอด 4 ปี ที่รัฐบาล คสช.

 

ปัญหาการทุจริตมีอยู่ในทุกรัฐบาล

๒๓ พฤษภาคม ๒๕๖๑

พักนี้มีข่าวการทุจริตสารพัดโครงการ ที่เกิดขึ้นในรัฐบาล คสช. จนเป็นเหตุให้มีผู้นำมาเป็นประเด็นโจมตีรัฐบาล คสช. ทำให้ผู้คนในสังคมพากันเข้าใจว่า รัฐบาลปล่อยปละละเลยหรือรู้เห็นเป็นใจในการทุจริตนั้นๆ ไปด้วย

ทั้งที่แท้จริงแล้วข่าวการทุจริตเหล่านั้น ส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากการตรวจสอบของหน่วยงานรัฐ หรือองค์กรอิสระในยุครัฐบาล คสช. ที่ทำหน้าที่อย่างเคร่งครัด จนนำมาซึ่งการเอาผิดแก่ผู้ทุจริตในทุกระดับชั้น ไม่เว้นแม้แต่ข้าราชการระดับปลัดกระทรวง

 

 

สิ่งที่สังคมควรจักสังเกตคือ

๑. การทุจริตในยุครัฐบาล คสช. ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากข้าราชการระดับปฏิบัติและข้าราชการระดับสั่งการ

 

 

๒. จากผลของการตรวจสอบการทุจริตตลอด ๔ ปี ที่รัฐบาล คสช. เข้ามาบริหารประเทศเราจักเห็นว่า รายชื่อผู้ทุจริตไม่มีบุคคลระดับรัฐมนตรีเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยเลย (ไม่มีก็มิได้หมายความว่าจะไม่มีหากรัฐมนตรีนั้นๆ มีความละโมบ)

 

 

๓. การที่ข้าราชการกล้าทุจริต แม้ในรัฐบาลทหารที่มีอำนาจรัฏฐาธิปัตย์อยู่ในมือทำให้มองได้ว่า

- คนพวกนี้ทุจริตกันจนกลายเป็นสันดาน

- คิดว่ารัฐบาล คสช. คงจะไม่ตรวจสอบถี่ถ้วน

- ไม่เกรงกลัวกฎหมาย

- ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตย หรือ รัฐบาลทหาร การทุจริตก็มิได้ลดลงเลย

- ในยุครัฐบาล คสช. สามารถนำคนทุจริตมาลงโทษได้มากกว่ารัฐบาลประชาธิปไตย

จากภาพข่าว การตรวจสอบทุจริตที่ปรากฏทางสื่อและที่ยังไม่เป็นข่าว ซึ่งดูเหมือนจะมีให้เห็นแทบทุกโครงการ ทั้งที่อยู่ในรัฐบาล คสช. มันทำให้เราได้เห็นว่า ขบวนการทุจริตเช่นนี้มันฝังรากลึกลงไปทุกแวดวงสังคมไม่เว้นแม้แต่ในสังคมพระสงฆ์

 

 

มันจึงไม่ง่ายเลยที่ คสช. จักใช้เวลาแค่ ๔ ปี ทำการขุดรากถอนโคนขบวนการทุจริตคอรัปชั่นได้สำเร็จดังที่เห็น หาก คสช. จักขุดรากถอนโคนคนพาล สันดานขี้โกง ให้หมดไปจากแผ่นดินไทย คงต้องใช้ความกล้า ความเสียสละ ความร่วมไม้ร่วมมือจากประชาชนคนไทยทุกคน ช่วยกันเป็นหูเป็นตา เป็นปากเป็นเสียง รู้เห็นสิ่งใดที่ไม่ชอบมาพากล มีการโกงกันในที่ใด ใครทำ

 

 

คนไทยผู้มีหัวใจรักชาติ รักความสุจริตยุติธรรม อย่างพวกเราต้องช่วยกันชี้เบาะแสโพนทะนาให้คนในชาติได้รับรู้ หากคนไทยทุกคนมีจิตสำนึกรักชาติ หวงแหน รักษาผลประโยชน์ชาติ ก็ต้องไม่ยอมให้คนทุจริต คนพาล คนชั่วมีโอกาสกินบ้านโกงเมืองอย่างที่แล้วๆ มา อย่าเอาแต่เรียกร้องให้รัฐบาล ข้าราชการ นักการเมืองและรัฐบาลปฏิรูป

 

 

คนไทยทุกคนก็ต้องปฏิรูปตัวเองด้วย ปฏิรูปให้หัวใจตนมีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อแผ่นดิน ตอบแทนคุณแผ่นดินด้วยการทำหน้าที่ของประชาชนที่ดี ทำหน้าที่ลูกไทยให้สมบูรณ์

 

 

ปฏิรูปตนเองให้มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ที่มีต่อสังคมอย่างซื่อตรง เพื่อตามรอยของบรรพบุรุษที่ต่อสู้กับพวกอธรรม เสียสละ แม้เลือดเนื้อและชีวิตเพื่อปกป้องรักษาเอาไว้ ซึ่งประโยชน์สุขของคนทั้งแผ่นดิน ประโยชน์สุขของสังคม

 

 

ไม่ใช่เอะอ่ะอะไรก็เป็นไทยเฉย ไทยเฉื่อย ไทยเงียบ ไทยไม่รู้ร้อนรู้หนาว ใครจะสุขจะทุกข์ก็ช่าง ขอกูอยู่รอดก็พอแล้ว เช่นนี้จักชื่อว่าเป็นผู้มีจิตสำนึกในมโนธรรม ของสัตว์สังคมชั้นสูงได้อย่างไร และบ้านเมืองนี้คงจะอยู่รอดได้อย่างไร

พุทธะอิสระ