บ้านช่องไม่สะอาดก็ต้องปัดกวาด   !!!! "วิษณุ" เตือนพระผู้ใหญ่ตระหนักสังวรณ์และระมัดระวัง...ไปดูจริยวัฒน์ของพระ (รายละเอียด)

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการจับกุมพระเถระชั้นผู้ใหญ่วานนี้ว่า ไม่ทราบจะกระเทือนถึงไหนแต่กระเทือนวงการสงฆ์แน่นอนเป็นเรื่องธรรมดา กระเทือนความรู้สึกพุทธศาสนิกชนบางคนบางกลุ่มแต่คงไม่กระเทือนพระพุทธศาสนาเพราะยังมั่นคงดีอยู่  หากมีอะไรเป็นเหตุเพศภัยเข้ามากระทบถ้าสามารถริดรอนหรือกำจัดออกไปได้ก็จะทำให้พระพุทธศาสนาบริสุทธิ์มากขึ้น ส่วนการดำเนินการว่าใครถูกหรือผิดนั้นไม่ทราบไม่มีใครรู้ 
 

มีเพียงเจ้าหน้าที่ๆรู้และต้องดำเนินการตามกฎหมายจะไม่ดำเนินการก็ไม่ได้ต้องมีการต่อสู้คดีกันไป ถ้าพ้นภัยพ้นปัญหาไปทุกอย่างก็จะกลับมาได้อย่างเดิม แต่ถ้าไม่สามารถต่อสู้ให้พ้นไปได้คดีก็เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมไปสู่ศาล คดีทั้งหมดที่กล่าวหานั้นเข้าใจว่าเป็นการหล่าวหาในทางโลกจึงเป็นเรื่องที่ทางโลกต้องไปจัดการ ถ้ามีเรื่องกระทบในทางธรรมหรือทางศาสนา ทางศาสนาก็ต้องเข้าไปจัดการ ทางศาสนาในที่นี้หมายถึงกรณีที่กระทบต่ออธิกรณ์หรือวินัยสงฆ์  

 

กล่าวคือถ้ามีการกล่าวหาในทางศาสนาก็ต้องไปว่ากัน อย่างไรก็ตามกฎหมายคณะสงฆ์ต้องอยู่กึ่งกลางระหว่างทางโลกกับทางธรรม ซึ่งได้บอกไว้ชัดเจนแล้วว่าในกรณีที่ภิกษุต้องคดีอาญาจะต้องดำเนินการอย่างไร  หลักการคือเราจะไม่พยายามเอาพระนุ่งห่มผ้าเหลืองใส่คุกใส่ตะรางหรือขึ้นศาลมีคำหนึ่งที่เข้ามาคือให้สละสมณเพศซึ่งเป็นคนละคำกับคำว่าสึกและคนละคำว่าคำว่าสมัครใจลาสิกขา  เพราะให้สละสมณเพศคือทางต้องสละแม้ว่าจะสมัครใจหรือไม่ก็ตาม ทั้งหมดมีวิธีปฏิบัติอยู่แล้วไม่ซับซ้อนอะไร 

ผู้สื่อข่าวถามว่าเรื่องนี้จะทำให้ประชาชนตั้งคำถามหรือไม่ว่าเราจะสามารถนับถือพระสงฆ์ได้หรือไม่  เพราะขนาดพระเถระชั้นผู้ใหญ่ยังมีคดีแบบนี้เกิดขึ้น นายวิษณุกล่าวว่า ก็เหมือนที่พล.อ.ฉัตรชัยและนายสุวพันธ์ที่ดูแลเรื่องนี้พูดว่า ใครๆก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้มีมานานแล้วมีเสมอในทุกศาสนา ซึ่งมันก็มีในพระพุทธศาสนาแต่หากเราไปสะดุ้งสะเทือนหมดอาลัยตายอยากเลิกนับถือพระพุทธศาสนาด้วยเหตุแบบนี้ บรรพบุรุษของเราก็คงไม่สามารถรักษาพุทธศาสนาได้มาจนถึงปัจจุบัน  แต่เพราะบรรพบุรุษไม่คิดแบบนั้นเหตุเกิดที่ไหนก็จัดการตรงนั้นให้จบ บ้านช่องไม่สะอาดก็ปัดกวาดเสีย ถ้าบ้านช่องไม่สะอาดถึงขนาดรื้อบ้านก็คงไม่คุ้ม 

เมื่อถามว่ารอบนี้ถึงขั้นสังคายนาวงการสงฆ์ใช่เลยหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า อย่าไปพูดว่าสังคายนาเพราะคำนี้เป็นคำพิเศษ ที่หมายความถึงกรณีที่ต้องมีการประชุมพระสงฆ์เพื่อตรวจสอบพระไตรปิฏกว่ามีความฟั่นเฟือนวิปริตหรือไม่อย่างไรซึ่งเป็นเรื่องที่ทำยาก แต่อาจทำคล้ายๆสังคายนาได้คือประชุมตรวจสอบตกลงกติกาวิธีปฏิบัติ คิดว่าเรื่องนี้มหาเถระน่าจะนำไปดำเนินการได้ 

 

เมื่อถามว่ารัฐบาลจะแนวทางดูแลเรื่องพุทธพาณิชย์อย่างไร นายวิษณุกล่าวว่า พุทธพาณิชย์เป็นคำเรียกกันในความหมายว่าได้มีการนำเอาศาสนาหรือศาสนวัตถุหรือศาสนบุคคลมาค้าขายหากำไรซึ่งเป็นเรื่องที่สะเทือนใจชาวพุทธและต้องจัดการกันต่อไป บางเรื่องมีกฎเกณฑ์ที่ควบคุมอยู่แล้วแต่บางเรื่องอาจไม่มี บางเรื่องที่มีกฏเกณฑ์ควบคุมอยู่ก็อาจมีช่องว่างให้หลีกเลี่ยงออกไปได้  แต่ถ้าเราเข้มงวดหน่อยก็สามารถทำได้  คิดว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการทำอะไรให้บริสุทธิ์ผุดผ่องมากขึ้น 

 

เมื่อถามว่าต่างประเทศจะเข้าใจระบบการดำเนินการในครั้งนี้ของประเทศไทยหรือไม่เพราะเป็นเหตุการณ์ครั้งใหญ่ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบเพราะเป็นเรื่องใหม่แต่ถ้าเขาสงสัยก็สามารถชี้แจงได้ว่าเรื่องนี้มีหรือไม่มีการกลั่นแกล้ง เรื่องนี้กระทบสิทธิมนุษยชนหรือไม่ หรือล่วงล้ำเสรีภาพในการนับถือศาสนาหรือไม่ ซึ่งฝรั่งเขาถือเรื่องนี้ ถ้าอธิบาย 3 ข้อนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาสำหรับต่างประเทศก็คงไม่มีปัญหา 


    
เมื่อถามว่าเหตุการณ์ครั้งนี้จะเป็นบทเรียนแก่วงการสงฆ์หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เป็นบทเรียนที่ควรตระหนัก สังวรณ์ และระมัดระวัง ซึ่งพระผู้ใหญ่บางรูปก็ระมัดระวังดีอยู่แล้ว ให้ไปดูจริยวัฒน์ของพระสังฆราชสวยสดงดงาม ท่านเตือนอะไรก็เป็นปิยะวาจา 

 

เมื่อถามว่าหลังจากนี้จะต้องมีการกลั่นกรองการแต่งตั้งพระเถระชั้นผู้ใหญ่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า น่าจะต้องเป็นเช่นนั้นต้องติดตามกันต่อไปว่ากรณีนี้จะกลายเป็นซีรี่ย์เรื่องยาวและจะไปจบลงที่ใด