ไม่กินทุเรียนจ้า??!!! ฤดูทุเรียน ใครต่อใครก็สรรหา เพื่อให้ได้กิน แต่ สำหรับรองสมคิด ไม่ใช่ เพราะ???!!!!!

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th


ก็อสซิปการเมืองวันนี้  ขอเม้าท์ถึงรองนายกรัฐมนตรีที่ใครต่อใครเวลานี้ก็พากันเรียกเขาว่า
“เฮียกวง “ ซึ่งก็หมายถึง นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์  นั่นเอง โดยที่มาของชื่อ ที่ใครต่อใครพากันเรียกขานนาย สมคิด ว่า เฮียกวง  ก็เป็นเพราะนาย สมคิด มีชื่ออีกชื่อหนึ่งเป็นชื่อจีน ว่า 
ฮั่วกวง แซ่จัง นี่แหละจึงเป็นที่มาด้วยประการฉะนี้แล ว่าทำไม เดี๋ยวก็เฮียกวง เฮียกวง ได้ตลอดเวลา

และหากพูดถึงบทบาทหน้าที่ของรอง สมคิดนั้น ก็ไม่ธรรมดา เพราะเป็นถึงรองนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่กำกับดูแลงานทางด้านเศรษฐกิจทั้งหมดแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด และแถมยังเป็นคนที่นายกรัฐมนตรี พล.อ ประยุทธ์ จันทรโอชา ไว้เนื้อเชื่อใจ เกรงอกเกรงใจเป็นที่สุด

 

 ยังไม่เท่านั้นเรื่องทางการเมืองรึ  ก็รองสมคิด อีกนั่นแหละที่เป็นบุคคลที่ใครต่อใครก็เม้าท์กันให้แซ่ดว่าเป็นผู้ที่เป็นกำลังหลักในการจัดวาง รวบรวมไพร่พล ก่อร่างสร้างพรรคการเมืองให้กับนายกรัฐมนตรี เพื่อเป็นฐานในการเดินต่อ ไปยังรัฐบาลชุดหน้า เพื่อไม่ให้การก้าวเข้ามาของคสช.ต้องเสียของ   

แต่!!!ใครจะรู้ว่าเห็นรอง สมคิด งานหนักอึ้งขนาดนี้ แต่ก็จัดเป็นบุคคลที่มีปัญหาสุขภาพที่ต้องคอยดูแลตนเองอย่างเคร่งครัดไม่น้อย  ควบคู่กันไปกับการทำงานหนัก และโรคๆหนึ่งที่รองสมคิดต้องคอยระวังเป็นพิเศษ ก็คือ เบาหวาน ทำให้รองสมคิดต้องควบคุมดูแลเรื่องอาหารการกินเป็นพิเศษ  และมีอยู่วันหนึ่งที่นักข่าวเศรษฐกิจประจำทำเนียบรัฐบาล เข้าไปในห้อง รองสมคิด เพื่อเตรียมหาข่าวตามปกติ  รองสมคิด จะใช้วิธีเอาเค้กทุเรียน ของขึ้นชื่อ ไฮไลท์เวลานี้เลยกับหน้าทุเรียน  ปิดปากนักข่าวให้ได้กินกันถ้วนทั่ว. จะได้ไม่ต้องถามข่าวให้มากความ แต่รอง สมคิด เมื่อให้นักข่าวแล้ว ได้แต่นั่งดูนักข่าวกิน เพราะจะร่วมกินด้วยก็ไม่ได้ ก็เพราะ เบาหวานนี่แหละ 
ในเฟสบุค Ananya Moonphen  โพสต์ว่า

“มารอขากลับ  พี่อ้อ(นักข่าวรุ่นใหญ่สายเศรษฐกิจประจำทำเนียบฯ)บอก รอหน้าห้องทำไม  เข้าไปในห้องอาจารย์เลย  ว่าแล้วนางก็นำหน้าพาเข้าห้องเข้ามาเลย ได้กินเค้กทุเรียนกันคนละชิ้น และมีอาจารย์นั่งดูเพราะเป็นเบาหวาน #วันทุเรียนแห่งชาติ”

 

ไม่กินทุเรียนจ้า??!!! ฤดูทุเรียน ใครต่อใครก็สรรหา เพื่อให้ได้กิน แต่ สำหรับรองสมคิด ไม่ใช่ เพราะ???!!!!!

ขอบคุณ:ภาพ และ ข้อมูล จาก
เฟสบุค Ananya Moonphen