ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

กลายเป็นประเด็นที่มีผู้แสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์อย่างมาก เพราะสืบเนื่องจาก 24 พฤษภาคม 2561  อดีตพระสุวิทย์ ธีรธมฺโม หรือ พุทธะอิสระ แห่งวัดอ้อน้อย ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม  ในความผิด 2 ข้อหา คือ ปล้นทรัพย์ กับ เป็นหัวหน้าอั้งยี่ซ่องโจร ซึ่งเป็นความผิดที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2557 ขณะที่มีการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่ม กปปส. จากกรณีที่ตำรวจสันติบาลถูกการ์ด กปปส. แจ้งวัฒนะ ทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และ ปล้นเอาทรัพย์สินของเจ้าหน้าที่ไปด้วย   และตำรวจมีการแจ้งข้อหาแอบอ้างใช้ปรมาภิไธย ภปร. และ ส.ก. กรณีสร้างพระเครื่องพระนาคปรก รุ่นหนึ่งในปฐพีด้วย 

 

ขณะเดียวกัน หลังการพิจารณาคำร้องฝากขังของพนักงานกองปราบปราม ในคดีพระพุทธะอิสระ วัดอ้อน้อยศาลอนุญาต ตามคำร้องขอของพนักงานสอบสวนรับฝากครั้งพระพุทธะอิสระผลัดแรกเป็นเวลา 12 วัน พร้อมให้นำตัวไปควบคุมที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ  

แต่ประเด็นที่ถูกวิพากวิจารณ์เห็นจะเป็นกรณีที่นำกำลังบุกจับ พระพุทธะอิสระ ในกุฏิวัดอ้อน้อย ของตำรวจกองปราบปราม เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 61 ได้มีการเปิดเผยคลิปนาทีการเข้าจับกุมตัว   (มีคลิป)  นายมหัศจักร โสดี ทีมทนายความของ นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ ได้โพสต์ข้อความผ่ายเฟสบุคส่วนตัว โดยได้แชร์ลิ้งข้อมูลของ 

 พระครูนิรมิตวิทยากร (พระอาจารย์วิทยา กิจฺจวิชฺโช) วัดป่าดอยแสงธรรมญานสันปันโน ตำบลแม่นาวาง อำเภอแม่อาย จังหวัดเชียงใหม่  ซึ่งระบุข้อมูลไว้ว่า เห็นคลิปที่ตำรวจบุกจับพุทธอิสระคาห้องนอนแบบตลบมุ้งตะครุบตัวกันเลย นี่! เห็นแล้วก็รู้สึกสลดใจอยู่บ้าง ทั้งวิธีการที่บุกเข้าไป ทั้งคำพูดคำจา คำขู่ตะคอก สังคมก็สงสัยว่า จำเป็นต้องทำกันถึงขนาดนี้เชียวหรือ? มันเกินไปไหม? ที่เจตนาถ่ายวีดีโอมาเผยแผ่ นี่! ต้องการอะไร? มีใครเป็นผู้กำกับการแสดงหรือเปล่า?

เรื่องนี้คงโทษเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไม่ได้ เพราะเขาอาจได้รับคำสั่งเพียงว่า ให้ไปจับพระที่วัดนั้นวัดโน้น อาจไม่ทราบข้อมูลโดยละเอียด เขาก็อาจคิดไปเองว่า พระต้องมีคนคุ้มกันซึ่งอาจมีอาวุธ พระต้องทำผิดร้ายแรงจึงถูกออกหมายจับ เขาจึงระวังตัวกันอย่างเต็มที่ จึงติดอาวุธครบมือ เขาถูกฝึกมาเพื่อปราบผู้ร้าย และถ้าจำเป็นก็ฆ่าผู้ร้ายได้แบบสบาย ๆ พวกนี้เขาต้องโหดอยู่แล้ว จะให้เขาทำงานแบบสุภาพอ่อนน้อม มันก็ขัดกับธรรมชาติการฝึกของเขา

หากจะโทษก็คงต้องโทษผู้บังคับบัญชาที่อาจไม่ได้สั่งการด้วยความรอบคอบ ให้กองกำลังปฏิบัติการอย่างเหมาะสมในฐานะที่ท่านเป็นพระสงฆ์องค์เจ้า แต่ก็ช่างเถอะ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว

แต่มันมีคำถามสอดเข้ามาว่า ข้อกล่าวหาอั้งยี่ซ่องโจรที่มอบแก่พุทธอิสระ มันเป็นเรื่องนานมาแล้วตั้งแต่ก่อนการปฏิวัติ ทำไมจึงมาจับเอาตอนนี้

และทำไมต้องปฏิบัติการพร้อม ๆ กับพวกที่โดนคดีเงินทอนวัด ซึ่งมันไม่เกี่ยวกันเลย และทำไมการข่าวจึงรั่วไหลให้พระสององค์หนีไปได้

ส่วนเรื่องปลอมตราสัญลักษณ์นั้น ก็คงต้องเอาข้อเท็จจริงไปพิสูจน์กันในศาล ก็คงต้องจับตาดูกันต่อไป หนังเรื่องนี้เพิ่งจะเริ่มต้น เครือข่ายโกงเงินทอนวัด ยังจะมีรายต่อไปอยู่อีกหรือไม่? ก็คอยดูกันไป

 

งอมืองอเท้าเฉย ๆเลวกว่าหมา !!! "พระดังเชียงใหม่" ฝากคดี "พุทธะอิสระ"ผลการต่อสู้ !!!พวกคิดทรยศชาติ เมื่อถึงเวลาถึงกาลวิบัติฉิบหายไปเอง

 

สำหรับพุทธอิสระนั้น เราไม่รู้จักเขาเป็นการส่วนตัว แต่เราเคยไปออกรายการที่ ASTV หลายครั้ง ครั้งหนึ่งไปออกรายการของคุณหมีช่วงบ่าย พอดีเป็นรายการต่อจากพุทธอิสระ ก็เลยเจอกันในห้องรับรอง ตอนนั้นเราไปกับคณะศิษย์หลวงตาสี่ถึงห้ารูป ไปพูดเรื่องที่พันธมิตรพวกคุณอมร หรือคุณอะไรอีกคน ก็จำไม่ได้อีก จะนิมนต์พระป่าไปทำบุญประเทศที่สะพานมัฆวาน หรือเขาเรียกอะไร เราก็จำไม่ได้แล้ว เพราะในช่วงนั้นมีระเบิดลงเป็นว่าเล่น

ได้คุยกับพุทธอิสระอยู่พักหนึ่งก่อนเข้ารายการ เราบอกกับเขาว่า พันธมิตรจะนิมนต์พระป่าไปทำบุญตักบาตรในวันที่นั้น ๆ จะมีกิจกรรมอย่างนั้น ๆ เพื่อให้เขารับทราบ จะได้ไม่เข้าใจผิด ซึ่งเขาก็พูดอะไรมีแง่คิดน่าฟังดีอยู่นะ

พุทธอิสระเขาบอกว่า เขาไม่ได้ปรารถนาจะเป็นสาวก เขาปรารถนาพุทธภูมิ การปฏิบัติของเขาจึงมิได้มุ่งแสวงหาความหลุดพ้น แต่เขาจะสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า เขาจะทำความดีทุกอย่างเพื่อช่วยคนให้พ้นทุกข์ เพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

แม้ตัวเองจะถูกมองว่าไม่ดี หรือจะถูกใครตราหน้าด่าว่าอย่างไร จะมีภาพลักษณ์เสียหายอย่างไร เขาก็ยอมรับได้ทุกอย่าง และพอใจที่จะรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ขอให้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่รอดปลอดภัยเท่านั้นก็พอ

แต่สำหรับพวกท่าน เป็นสัญลักษณ์ของพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ ผมอยากให้พวกท่านรักษาภาพลักษณ์อันนี้ไว้ เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่พระลูกพระหลานต่อไปในวันข้างหน้า อย่าลงมาเกลือกกลั้วในแบบที่ผมเป็น ไม่ใช่หน้าที่ที่พวกท่านจะทำอย่างนั้น สำหรับผมไม่ได้สนใจว่าจะต้องมีภาพลักษณ์ที่ดีงาม แต่ผมจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ให้อยู่รอดปลอดภัยเท่านั้น

งอมืองอเท้าเฉย ๆเลวกว่าหมา !!! "พระดังเชียงใหม่" ฝากคดี "พุทธะอิสระ"ผลการต่อสู้ !!!พวกคิดทรยศชาติ เมื่อถึงเวลาถึงกาลวิบัติฉิบหายไปเอง

 

นี่! เป็นคำพูดที่คุยกันในตอนนั้นก็ประมาณนี้ เท่าที่เรายังพอจำได้ เราบอกกับหมู่คณะว่า พุทธอิสระพูดอย่างนี้ ถือว่า ใจเขาใช้ได้ทีเดียวนะ ใจเขาสูงพอสมควร คนใจต่ำทรามคิดแบบนี้ไม่ได้หรอก

การปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้านั้น คือ ในช่วงที่สร้างบารมี ก็เรียกว่า เป็นพระโพธิสัตว์ อธิบายได้ว่า เขาจะต้องสร้างความดีทุกประเภท อันเป็นพุทธการกธรรมทั้งหมดให้เต็มเท่านั้น ความหลุดพ้นจะมีได้ก็แต่ในชาติสุดท้ายที่จะมาตรัสรู้เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ชาติอื่น ๆ นอกนั้น ก็ต้องสร้างบารมี ๓๐ ทัศ ให้เต็มอย่างเดียว ไม่หวังความหลุดพ้น
.
ถ้าเป็นประเภทปัญญาธิกะ จะต้องสร้างบารมีถึง ๒๐ อสงไขย กับเศษอีกแสนมหากัปป์ นานมากทีเดียว คือกัปป์นับไม่ได้ถึง ๒๐ ครั้ง
.
ถ้าเป็นประเภทศรัทธาธิกะ ต้องสร้างบารมี ๔๐ อสงไขย กับเศษอีกแสนมหากัปป์ เพิ่มอีกสองเท่า
.
ถ้าเป็นประเภทวิริยาธิกะ ต้องสร้างบารมี ๘๐ อสงไขย กับเศษอีกแสนมหากัปป์ เพิ่มไปอีกสี่เท่า ดังเช่น พระศรีอริยเมตตรัย เป็นต้น
.
ดังนั้น ผู้ที่บำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์นั้น ย่อมมีความคิด และการกระทำที่ต่างจากภูมิสาวกอย่างสิ้นเชิง เพราะจุดประสงค์ที่ต่างกัน
.
ภูมิสาวกนั้นเพียงสร้างบารมีแค่ เศษแสนมหากัปป์ของพระพุทธเจ้า บารมีก็เต็มเปี่ยมพร้อมที่จะสำเร็จพระอรหันต์เข้าสู่พระนิพพานได้แล้ว ผู้ที่ปฏิบัติในภูมิสาวกจึงต้องได้ยินได้ฟังธรรมจากพระพุทธเจ้า และต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยที่พระบรมศาสดาบัญญัติไว้อย่างเคร่งครัด จะเบี่ยงเบนออกนอกลู่นอกทางมิได้เลยแม้แต่น้อย มิฉะนั้น ก็ไม่อาจบรรลุถึงโลกุตรธรรมได้

 

งอมืองอเท้าเฉย ๆเลวกว่าหมา !!! "พระดังเชียงใหม่" ฝากคดี "พุทธะอิสระ"ผลการต่อสู้ !!!พวกคิดทรยศชาติ เมื่อถึงเวลาถึงกาลวิบัติฉิบหายไปเอง

.
แต่ผู้ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าต้องสร้างบารมีที่ยิ่งใหญ่กว่านั้น เพราะต้องตรัสรู้ด้วยพระองค์เอง คิดดูเองเถิด แม้พระโคดมพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของพวกเรานี้ ครั้งหนึ่งเคยเกิดเป็นนายพราน เพียงได้ยินเสียงเสือร้องครวญครางอยู่ก้นเหวด้วยความหิวโหย พระองค์ยังยอมสละเลือดเนื้อและชีวิต กระโดดลงก้นเหวไป เอาเนื้อให้เสือกินเป็นทาน นี่! ใจของพระโพธิสัตว์ย่ิงใหญ่ขนาดไหน จะเอาไปเปรียบกับใจของบุคคลธรรมดาทั่วไปหาได้ไม่
.
สำหรับคนที่โกรธเกลียดพุทธอิสระ แล้วด่าว่าเขาอย่างหยาบคายเสีย ๆ หาย ๆ มันก็เป็นเพียงแค่เสียงลมพ่นออกจากปากตัวเอง เข้าหูตัวเองก่อน แล้วจึงไปเข้าหูคนอื่น จากนั้นก็ดับไป พุทธอิสระเขาไม่สนใจจะฟังหรอก และเขาก็ไม่สะดุ้งสะเทือนด้วย เพราะใจเขามันอยู่เหนือสิ่งเหล่านี้ไปแล้ว
.
แต่บาปจะตกแก่ผู้ไปด่าเขานั้นแน่นอนนัก เพราะผู้ที่มักโกรธก็ชอบที่จะด่าคนอื่น ทั้งตัวเองก็ได้ยินเสียงด่าก่อนใคร คนอื่นย่อมได้ยินทีหลัง ไฟโทสะก็ย่อมจะเผาใจตัวเองก่อน ใจจะเร่าร้อนอยู่ตลอดเวลา เพราะความโกรธไม่เคยให้คุณแก่ผู้โกรธ เห็นมีแต่โทษโดยถ่ายเดียวเท่านั้น ถ้าตายเสียในขณะที่โกรธ จิตก็ดิ่งไปสู่อบายทันที
.
ส่วนเสียงด่านั้นเล่า มันก็แค่เสียงลมไปกระทบหูแล้วดับไป ผู้ที่มีสติปัญญาก็เพียงรับทราบสักแต่ว่า เสียงมากระทบหูแล้วก็ดับไป หากใจไม่เก็บเอาเสียงด่านั้น มาคิดมาปรุงมาแต่ง มันก็เป็นเพียงสักแต่ว่า เสียงมากระทบหูแล้วก็ดับไป ก็เท่านั้นเอง ใจท่านไม่ได้เดือดร้อนไปตามเสียงด่านั้นเลย
.
มันก็อุปมาเหมือน ผู้โง่เขลาที่พยายามจะเป่าลมใส่ภูเขาศิลาแท่งทึบนั่นแล คนพ่นลมจะตายเสียก่อนที่จะทำให้ภูเขาหินนั้นสั่นคลอนได้
.
พุทธอิสระไม่ใช่พระปฏิบัติดีในแบบที่จะเป็นพระอริยเจ้า ไม่ใช่ผู้ทรงคุณธรรมอันล้ำเลิศถึงขั้นจะหลุดพ้น เพราะความปรารถนาที่จะเป็นพระพุทธเจ้าเสียเอง
.
เพราะเหตุนั้น บางอย่างก็อาจประพฤติเกินเลยไปจากสมณวิสัย ซึ่งเขาเองก็รู้ตัวเขาดี ไม่ใช่ไม่รู้ แต่ความสำคัญมันอยู่ที่เจตนาแห่งการกระทำ ถ้าเขาแน่ใจว่า สิ่งที่เขาทำเป็นเจตนาดี และเป็นความดีจริง เขาทำไปใจเขาก็ไม่เดือดร้อน เพราะความปรารถนาจะสร้างบารมีเป็นพระพุทธเจ้า นั้น ยิ่งใหญ่นัก ใจต้องสงบนิ่งเยือกเย็นเหมือนน้ำ หนักแน่นยิ่งกว่าขุนเขา และเบายิ่งกว่าอากาศธาตุ
.
บางการกระทำของเขาจึงอาจดูไม่เหมาะสมกับความเป็นสมณะ แต่ถ้าเขาไม่มีการกระทำถึงขั้นเจตนาจะล่วงอาบัติปาราชิก ความเป็นพระก็ยังสมบูรณ์อยู่
.
แต่สิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรรับทราบได้ด้วยกันคือ สิ่งที่เขาทำมันเป็นคุณประโยชน์ต่อ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ หรือว่า มันเป็นโทษ อันไหนจะมีน้ำหนักมากกว่ากัน เมื่อผลแห่งกรรมจะบันดาลให้ติดคุกก็ต้องติดคุกไป ไม่มีใครจะอยู่เหนือกรรมได้ แต่ถึงเวลาหากกรรมดีให้ผล ก็ออกจากคุกได้ โลกนี้มันก็ไม่มีอะไรแน่
.
ถ้า...
ไม่มีคนชื่อ สนธิ ลิ้มทองกุล
ไม่มีพระชื่อ พุทธอิสระ
ไม่มีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ไม่มี กปปส.
แล้วประเทศไทยขณะนี้จะเป็นอย่างไร?
.
ใครกันที่ทำประเทศชาติแทบล่มสลาย เวลานี้เขาไปเสพสุขอยู่ ณ ที่หนใด แล้วเพราะเหตุใด คสช.จึงได้ผุดได้เกิดมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่อยู่ในบัดนี้ได้
.
สนธิ ลิ้มทองกุล เจ้าของวลี ตายเป็นตาย เจ๊งเป็นเจ๊ง ก็สู้แบบยอมถวายหัว ยอมหมดเนื้อหมดตัว แต่ผลตอบแทนที่ได้รับ สุดท้ายก็ได้เข้าไปอยู่ในคุก จะว่าเป็นกรรม ก็ยอมรับอย่างลูกผู้ชายใจสิงห์ ไม่ใช่อย่างลูกสุนัขหน้าตัวเมียที่หลบหนีอย่างหัวซุกหัวซุน
.
พุทธอิสระได้สมญานามว่า ราชสีห์แห่งแจ้งวัฒนะ กี่วันที่ปักหลักต่อสู้ เขาทำเพื่อใคร ผลสุดท้ายก็ถูกให้ถอดผ้าเหลืองแล้วเข้าไปอยู่ในคุก เพราะบางการกระทำก็อาจถูกมองว่า ผิดกฎหมาย แต่ตอนที่ทำก็คิดว่าทำเพื่อปกป้องประเทศชาติ มันจะเป็นอะไรก็ช่างมัน ขอให้ประเทศชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อยู่รอดปลอดภัยเป็นพอ ซึ่งเขาก็คิดว่า มันก็คุ้มแสนคุ้มที่จะแลกกัน
.
เพราะถ้าชาติอยู่ไม่ได้ ศาสนาก็อยู่ไม่ได้ แล้วพระจะเป็นอยู่ได้อย่างไร จีวรถูกถอดออกไปได้ เมื่อพ้นโทษก็เอามาใส่ใหม่ได้เหมือนเดิม ไม่แปลกตรงไหน เพราะความดีอยู่ที่ใจ รักษาใจให้ดีก็พอ แต่ถ้าปล่อยให้ประเทศชาติล้มไป มันจะกลับมาได้ไม่เหมือนเดิม มันต่างกันอย่างนี้
.
คนไทยทุกคนจึงควรมีจิตสำนึกที่จะเสียสละเพื่อชาติ ยอมตายเพื่อชาติให้ได้ ประเทศไทยจึงจะเจริญ ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตาจะมาเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ของชาติ หรือจะมาโกงชาติแต่เพียงอย่างเดียว นั่น! ไม่ใช่วิสัยที่คนไทยที่มีเลือดรักชาติจะพึงกระทำ
.
ส่วนแกนนำพันธมิตรแต่ละคน ก็สะบักสะบอมไปตาม ๆ กัน บ้างก็กำลังถูกฟ้องล้มละลาย หลายคนแทบหมดทางทำมาหากิน มีแต่หนี้แต่สินแทบสิ้นเนื้อประดาตัว ก็คงต้องต่อสู้ดิ้นรนกันไป บางคนก็อาจจะนึกท้อใจว่า นี่หรือคือผลพวงของการต่อสู้เพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ มันทำไมจึงให้ผลตอบแทนที่ดูเหมือนจะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า?
.
อย่าคิดอย่างนั้นเลย ทุกคนมีกรรมเป็นของของตน หากแม้นแน่ใจว่า สิ่งที่เราทำเป็นความดีแล้ว หากมันจะได้รับผลชั่ว ก็จงแอ่นอกรับไปเถอะ เพราะผลชั่วย่อมเกิดขึ้นจากการกระทำชั่วของเราต่างหาก หาใช่เป็นผลอันเกิดขึ้นจากการทำดีไม่ จงอย่าได้สับสน ให้หนักแน่นในคำสอนของพระพุทธองค์ที่ทรงตรัสว่า ทำดีย่อมได้รับผลดี ทำชั่วย่อมได้รับผลชั่ว นี่คือ สัจธรรมที่ไม่ผันแปรเป็นอื่น
.
จงอย่าได้ท้อแท้อ่อนแอ และต้องไม่ถอยหลัง บางคนอาจคิดว่า หากเกิดเหตุการณ์บ่อนทำลายชาติบ้านเมืองขึ้นอีกในวันข้างหน้า จะมีใครกล้ายืนหยัดลุกขึ้นมาต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศชาติบ้านเมืองกันอีกเล่า! ประเทศชาติจะมิถึงกาลล่มสลายในเร็ววันหรอกรึ?
.
ในเมื่อผลแห่งการต่อสู้เพื่อปกป้องประเทศชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กลับเป็นเหตุให้ได้รับรางวัลติดคุกกันไปคนละหลาย ๆ ปี แถมต้องล้มละลายกันไปอีกหลาย ๆ คน
.
ในขณะที่คนโกงชาติต่างหนีไปเสพสุขอยู่ต่างแดนอย่างสะดวกสบาย แถมยังมีลูกสมุนบริวารคอยเป็นทาสรับใช้ที่พร้อมจะกลับมาก่อกวนให้เกิดความไม่สงบวุ่นวายในประเทศได้อีกเหมือนเดิม
.
ดูกลุ่มคนอยากเลือกตั้งสิ! เขาทำเพื่อชาติใช่ไหม? ผู้มีอำนาจของบ้านเมือง ถ้าเขารักชาติจริง ก็คงจะไม่นิ่งดูดาย ปล่อยให้มีคนบ่อนทำลายชาติได้อีกต่อไป
.
ขอเพียงคนไทยอย่าแตกสามัคคี และทำดีเพื่อชาติต่อไป ใครทำไม่ดีก็จงอย่าไปส่งเสริม และหลีกหนีให้ไกล ๆ จงเชื่อกรรม และผลของกรรม ใครทำไม่ดีต่อประเทศชาติ เดี๋ยววันหนึ่งมันก็ต้องฉิบหายเอง 
.
แต่เลือดรักชาติของคนไทยย่อมเข้มข้นอยู่เสมอ เมื่อถึงคราวที่ประเทศชาติคับขัน ก็พร้อมที่จะออกมาพลีชีพเพื่อปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ กันได้อีกเหมือนเดิม ไม่มีทางที่จะนิ่งดูดาย หากจะปล่อยให้ประเทศชาติต้องล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา คนไทยคงนอนตายตาไม่หลับ
.
ดูสมเด็จพระนเรศวรมหาราช สิ! พระองค์ยังทรงคาบพระแสงดาบบุกตีค่ายทหารพม่าอย่างอาจหาญ นี่! เห็นไหม แล้วพวกเราที่เป็นลูกหลาน จะทำตัวเป็นคนใจปลาซิวได้อย่างไร?
.
จะมัวยืนดูเขารบกัน แล้วตัวเองรอคอยชุบมือเปิบ ก็ดูจะอายหมามันเปล่า ๆ เพราะหมาเวลามันเห็นคนเข้าบ้าน มันยังรู้จักเห่าเตือนให้เจ้าของบ้านรู้ตัว
.
ถ้ามีโจรมาปล้นชาติปล้นบ้านปล้นเมือง แล้วงอมืองอเท้ายืนดูเฉย ๆ ได้ โดยไม่ทำอะไรเลย ก็เห็นทีว่า จะเลวกว่าหมา
.
ขอให้คนไทยจงเชื่อมั่นในทหารหาญของชาติที่รักชาติอย่างจริงใจ ที่กล้าพลีชีพเพื่อชาติยังมีอยู่อีกมาก พวกที่รักชาติแต่ปาก เสพแต่อำนาจ หาแต่ผลประโยชน์ เดี๋ยวมันก็ล้มหายตายจากไปเอง มันก็แก่ ๆ กันแล้ว
.
และจงเชื่อมันในพระบรมโพธิสมภารของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่จะแผ่พระบารมีปกป้องคุ้มครองปวงพสกนิกรให้อยู่เย็นเป็นสุข ให้ประเทศไทยอยู่รอดปลอดภัยจากอริราชศัตรู พวกคิดคดทรยศต่อชาติ เหล่าอัปรีย์จัญไรทั้งหลาย เมื่อถึงเวลาย่อมพ่ายแพ้พินาศถึงกาลวิบัติฉิบหายไปเอง

อ้างอิงจาก เพจ พระวิทยา กิจจวิชโช และ