ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เป็นที่ทอล์คออฟเดอะทาวน์กันมากสำหรับคลิปตำรวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการปราบปราม นำกำลังบุกควบคุมตัวหลวงปู่พุทธอิสระ พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม  คาห้องคากุฏิ  ไม่ว่าจะเป็นวิธีปฏิบัติใช้ค้อนทุบทำลายประตู ตะโกนลั่นสั่งหมอบคามุ้ง  ซึ่งการเผยแพร่คลิปดังกล่าวให้ออกสู่สาธารณชนนั้นเป็นความตั้งใจ และจงใจ ของผู้เผยแพร่ ซึ่งคาดว่าคลิปดังกล่าวน่าจะเป็นของเจ้าหน้าที่ นั้นเอง แต่จะว่าไปหากเป็นเพียงเจ้าหน้าระดับเล็กๆก็คงไม่กล้าที่จะนำออกมาเผยแพร่ หากไม่มีคำสั่งจาก”นาย” ใช่หรือไม่?? แต่เจตนาของการเผยแพร่จะมาจากสาเหตุอะไร หรือเพียงแค่สนองอารมณ์ ต้องการเพียงเพื่อความสระใจเท่านั้น?

ขณะที่การดำเนิดคดีกับพระสงฆ์ที่เข้า้ไปพัวพันทรุจริตปมเงินทอนวัด แต่ท่าที่ของตำรวจสอบสวนกลาง กลับแตกต่างอย่างสิ้นเชิง  

 

ก่อนหน้านี้ พล.ต.ท.ฐิติราช หนองหาร พิทักษ์ ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) เคยกล่าวถึงความคืบหน้าคดีเงินทอนวัด ว่า หลังจากมีการดำเนินการ ไปแล้วเมื่อวันที่24พ.ค. ยังมีภารกิจบางส่วนที่ยังไม่เรียบร้อย อาทิ การติดตามเป้าหมายที่ยังไม่ได้ตัวอีก 2 รายคือ พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศ และพระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาส วัดสัมพันธวงฯ อยากให้ทั้ง 2 รูปมามอบตัว ดีกว่า เพราะเคยมีคุณงามความดี

 

เจ้าหน้าที่ทำมีเพียงเรื่องเดียวคือต้องบังคับใช้กฎหมาย เพราะมีความไม่งดงามในสมณเพศ ทำให้พระพุทธศาสนาเสียหาย คนทำงานก็ตระหนักว่าขณะนี้กำลังดำเนินคดีกับพระ อะไรที่ไม่ถูกต้องไม่มีพยาน หลักฐานชัดเจนเจ้าหน้าที่ก็ไม่ทำ แค่คิดก็ไม่ดีแล้ว มันบาป สิ่งเหล่านี้เจ้าหน้าที่ตระหนักอยู่ ยืนยันว่าทั้งหมดเป็นการดำเนินการภายใต้ข้อมูลของตำรวจที่มี” 

 

ในบางช่วง ผบช.ก. ยังกล่าวด้วยว่า “ตำรวจก็ให้เกียรติท่าน ได้มีโอกาสมอบตัว เพราะน่าจะเป็นสิ่งที่งดงามมากกว่า”

 

 แต่เมื่อพล.ต.ท.ฐิติราชกล่าวถึงกรณีของหลวงปู่พุทธะอิสระ  พล.ต.ท.ฐิติราชไดกล่าวว่า..ตำรวจก็ให้เกียรติในฐานะที่ครองจีวร บางทีการทำงานก็ต้องระมัดระวัง เจ้าหน้าที่ต้องระวังตัวด้วย ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของทุกฝ่าย อาจมีสถานการณ์แทรกซ้อน อาจมีใครทำอะไรในสถานที่นั้นก็ได้ ไม่มีใคร อยากให้เกิดการเจ็บ การตายจากการปฏิบัติหน้าที่ หากมีกระสุนสักลูกโผล่มาก็ต้องมานั่งไล่เรียงกันอีกว่ามาจากใคร จากเจ้าหน้าที่หรือเปล่า

 

ที่ผ่านมาอดีตพระคนนี้ไปไหนมาไหน มีการ์ด มีคนคุ้มกันมากมาย เจ้าหน้าที่ก็ต้องระวัง ประกอบกับช่วงปฏิบัติการเป็นช่วงเช้ามืด สถานที่ก็กว้างและในทางยุทธวิธี จุดที่เข้าไปเป็นพื้นที่ที่สถาปนาโดยฝ่ายตรงข้าม เราหมายถึงเจ้าหน้าที่ไม่คุ้นชิ้น

ความผิดในทางกฎหมายหรือทางคดี เป็นไปตามขบวนการยุติธรรม ก็ว่ากันไปตามขั้นตอนนั้นๆ  แต่เมื่อพิจารณาลงลึกการต้องคดีของหลวงปู่พุทธะอิสระเกิดมาจากการเสียสละ โดยไม่ยึดมั่นถือมั่นในความเป็นสงฆ์ ในช่วงการชุมนุมของกลุ่ม กปปส.ช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ 2557 และการที่ต้องป้องกันตัวเป็นพิเศษก็เกิดมาจากถูก”หมายหัว” 

 

ส่วนคดีปลอมพระปรมาภิไธยฯ ภ.ป.ร.และอักษรพระนามาภิไธย ส.ก.มาประดิษฐานหลังองค์พระเครื่องโดยไม่ได้รับพระราชทาน พระบรมราชานุญาตจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช บรมราชบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ...นั้น "หลวงปู่ฯ" ยืนยันมาตลอดว่า พร้อมจะต่อสู้ และหักล้างข้อกล่าวหาทั้ง 2 นี้

 

แม้กระทั่ง บุกไปเข้าพบ พนักงานสอบสวน กก.5 บก.ป. เมื่อวันที่ 11 เม.ย.60 หรือกว่า 1 ปีที่ผ่านมา เพื่อยื่นหลักฐานการขออนุญาติจัดสร้างพระนาคปรก รุ่น "หนึ่งในปฐพี" และฟ้องกลับ "นายวิชัย ประเสริฐสุดศิริ" ผู้ประสานงานองค์กรส่งเสริมและปกป้องพระพุทธศาสนา หรือ อสคพ. ผู้แจ้งข้อกล่าวหานี้แก่หลวงปู่ฯ

 

ขณะที่อีกฝากฝั่ง ของพระสงฆ์ในคดีเงินทอนวัด มีส่วนพัวพันกับคดีฟอกเงิน และการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณวัด ..คอรัปชั่น!! แม้แต่ศีล5ซึ่งเป็นศีลเบื้องต้น และโดยพฤติกรรมที่ผ่านมาล้วนแต่บั่นทอนทำลายพระพุทธศาสนา เพราะไม่ได้ตั้งอยู่ใน “สมณเพศ”  มีพฤติกรรมเสพเมถุนหรืแมั่วสีกา ของอดีตพระผู้ใหญ่บางรูป ทั้งความหลงไหล ใน ลาภยศ สรรเสริญ ตำแหน่งและเงินตรา ที่สมณเพศพึงสละให้สิ้นเสีย ดัง.. “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ทุกสิ่งอย่างเป็นเพียงแค่เรื่องสมมุติแม้แต่ร่างกายของเราก็ตาม

 

นี่ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าตำรวจควรเข้าใจในบริบทที่เกิดขึ้น และการ 2 มาตราฐานของตำรวจสอบสวนกลางนั้น ทำให้รัฐบาลเสียรังวัดจนทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องออกมาขอโทษด้วยตนเอง