ติดคุกฟรีใครรับผิดชอบ!!นักต่อสู้เพื่อ ปชต.เมืองคอนร้องรื้อคดีทุจริตเลือกตั้ง กกต.ยกคำร้องแต่ดองเรื่อง 2 ปี-ศาลพิพากษาติดคุกฟรี 2 ปี(ชมคลิป)

อดีตนายก อบต. ใน อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและความถูกต้องเป็นธรรมร้องสื่อหลังยื่นร้องรื้อคดีทุจริตเลือกตั้งยกคำร้องแต่ดองเรื่อง 2 ปี หลัง กกต.ยกคำร้องศาลพิพากษาติดคุกฟรี 2 ปี-พร้อมยื่น ปปช.ดำเนินคดี กกต.และเตรียมยื่นห้องเรียกค่าเสียหาย 10 ล้านบาท

(ที่ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนจังหวัดนครศรีธรรมราช นายไพโรจน์ หรือไพรี  รัตนรัตน์ อายุ 54 ปี อดีตนายก อบต.ปากพนังฝั่งตะวันออก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช นักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยคนดังของจังหวัดนครศรีธรรมราช เดินทางนอพยานหลักฐานเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีถูกร้อง กกต.และถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริตการเลือกตั้งท้องถิ่นเมื่อเดือน ก.ค.ปี พ.ศ.  2547 โดยในกระบวนการไต่สวนของศาลชั้นต้นพิพากษาเมื่อเดือนสิงหาคม 2549  ให้จำคุกนายไพโรจน์ หรือไพรี พร้อมนายสุขสันต์ ณ.นคร อายุ 42 ปี คนสนิท คนละ 2 ปี ทั้ง ๆ ที่ กกต.ได้มีคำวินิจฉัยยกคำร้องที่ 336/2548 ลงวันที่ 13 มกราคม 2548 ตามมติที่ประชุม กกต.ครั้งที่ 6 /2548 เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2548 แต่หลังจากมีมติและมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวทาง กกต.กลับดองเรื่องเอาไว้นานกว่า 2 ปี เพิ่งส่งเอกสารสำนวนคำวินิจฉัยถึง กกต.นครศรีธรรมราช ลงวันที่ 27 มีนาคม 2550  และทา กกต.นครศรีธรรมราช ได้ส่งเอกสารคำวินิจฉัยของ กกต.ถึงตนวันที่ 25 เม.ย. 2550  ซึ่งในขณะนั้นศาลชั้นต้นได้พิพากษาจำคุกตนนานะจิเลยที่  และนายสุขสัตน์ ณ.นคร จำเลยที่ 2 คนละ 2 ปีและตัดสิทธ์ทางการเมือง 10 ปีไปก่อนแล้ว

นายไพโรจน์ หรือไพรี  รัตนรัตน์ เปิดเผย เอกสารคำวินิจฉัยยกคำร้องของ กกต.ส่งมาถึงตนหลังจากที่ทนายของตนยื่นอุทธรณ์คดีต่อศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไปแล้ว ตนจึงให้ทนายจัดส่งเอกสารคำวินิจฉัยของ กกต.เพิ่มเติมไปยังศาลอุทธรณ์ภาค 8 แต่ทางศาลอุทธรณ์ภาค 8 กลับไม่ได้นำเอกสารคำวินิจฉัยของ กกต. มาร่วมในการพิจารณาพิพากษาและทำการพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ตนจึงยื่นฏีกาพร้อมแนบเอกสารคำวินิจฉัยของ กตต.ที่ยกคำร้องประกอบไปด้วย แต่ศาลฏีกาไม่รับวินิจฉัย เนื่องจากเอกสารคำวินิจฉัย  กกต.ที่ยกคำร้องลงวันที่ 13 มกราคม 2548  แต่กลับไม่ได้นำมาเป็นหลักฐานในสำนวนคดีมาตั้งแต่ต้น  เรื่องนี้ตนมองว่า กกต.เป็นหน่วยงานที่ละเมิดทำให้ตนเสียสิทธิ์ในการใช้คำวินิจฉัยยกคำร้องมาใช้ในกระบวนการต่อสู้คดีในชั้นศาล ทั้ง ๆ ที่ กกต.มีมติยกคำร้องตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2548  แต่กลับดองเอาไว้ไม่ยอมส่งหรือแจ้งให้ตนในฐานะผู้ถูกร้องทราบเก็บเรื่องดองเอาไว้นานกว่า 2 ปี

                “ตนได้ใช้สิทธิ์ที่ถูกละเมิดเข้ายื่นเรื่องต่อ ปปช.นครศรีธรรมราชให้ดำเนินคดีกับ กกต.เมื่อวันที่ 13 มี..ค. 2561 ตนได้หารือกับฝ่ายกฎหมายและ ปปช.ให้ความเห็นว่าคำวินิจฉัยยกคำร้องของ กตต.แม้จะเคยยื่นเข้าสู่การพิจารณาในชั้นศาลอุทธรณ์-ฏีกามาแล้ว แต่ศาลอุทธรณ์กลับไม่ได้นำมาร่วมพิจารณาหรือกล่าวถึงแม้แต่น้อย ส่วนในชั้นศาลฎีกาก็ไม่รับวินิจฉัย ยังถือว่าหลักฐานคำวินิจฉัยยำคำร้องของ กกต.ถือว่าเป็นหลักฐานใหม่ และเป็นหลักฐานสำคัญที่สามารถยื่นร้องขอรื้อคดีใหม่ได้  ตนจึงเข้ายื่นเรื่องขอรื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่ เมื่อวันที่ 24 พ.ค. 2561ที่ผ่านมา  ในขณะอยู่ระหว่างการรอคำวินิจฉัยของศาลว่าจะรับเรื่องขอรื้อคดีดังกล่าวขึ้นมาพิจารณาใหม่หรือไม่ และหากศาลรับเรื่องรื้อฟื้นคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่ตนจะยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท”

นายไพโรจน์ หรือไพรี ผู้ร้องกล่าวว่า ตนเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาอย่างยานานถึง 16 ปี ยึดมั่นในความถูกต้องตามหลักประชาธิปไตยและกฎหมายอย่างเคร่งครัดมาตลอด ซึ่งการที่ตนติดคุกถูกจองจำอย่ในเรือนจำปากพนังทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะถูกมองว่าเป็นคนทุจริตโกงเลือกตั้ง ชีวิตตน หน้าที่การงาน โอกาสในการทำงานสูญเสียไปทั้งหมด ครอบครัวได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส ภรรยาตั้งท้องลูกสาวคนเล็ก ในขณะที่บุตรชายคนโตถูกฟ้องร้องดำเนินคดีเรื่องหนี้สินของตนที่ประกอบอาชีพเลี้ยงกุ้งซึ่งต้องไปซื้ออาหารกุ้ง ยารักษาโรค วัสดุอุปกรณ์ในการลี้ยงกุ้งต่าง ๆ หลายแสนบาท  รายได้จากการทำงานในฐานะผู้จัดการบริษัทเจริญเกียติการโยธา เดือนละกว่า 40,000 บาท และโอกาสในเรื่องอื่น ๆ หมดไปกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว หลังติดคุกอยู่ 1 ปี 2 เดือนตนได้ยื่นเรื่องขอพระราชทานอภัยโทษจากพระบาทสมเด็จพำระเจ้าอยู่หัว ในหลวงรัชกาลที่ 9 จนได้รับพระราชทานอภัยโทษเป็นกรณีพิเศษ รวมติดคุกจริง 1 ปี 2 เดือนจากคำพิพากษาให้จำคุก 2 ปีและตัดสิทธ์ทางการเมือง 10 ปี ซึ่งการตัดสินทางการเมือง 10 ปีจะครบในเดือนสิงหาคม 2562  อย่างไรก็ตามในส่วนของนายสุขสันต์ ณ.นคร จำเลยที่ 2 ติดคงครบ 2 ปีตามคำพิพากษา

                “เรื่องนี้เป็นสิ่งที่คาใจ ไม่สบายใจและเครียดต่อการดำรงชีวิตเป็นอย่างมาก เพราะตนมั่นใจมาตลอดว่าไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกร้องและถูกดำเนินคดี แต่ผมกลับต้องติดคุกฟรี ๆ โดยที่ไม่ได้ทำความผิดใด ๆ แม้แต่น้อย เรื่องนี้ กกต.หรือหน่วยงานใดจะต้องรับผิดชอบกับตราบาปที่ยัดเยียดให้ผม  บรรทัดฐานในการปฏิบัติของ กกต.ในกรณีที่วินิจฉัยคำร้องเสร็จสิ้นอยู่ตรงไหนและต้องใช้เวลาเท่าไหร่ในการแจ้งให้ผู้ถูกร้องทราบ หรือระเบียบกำหนดว่าหลัวคำวินิจฉัยสิ้นสุดแล้วจะต้องดองเรื่องเอาไว้อย่างน้อย 2 ปี จึงจะแจ้งให้ผู้ถูกร้องทราบ แต่ถือว่าตนยังโชคดีที่มีพรรคพวกเพื่อนฝูงคอยช่วยเหลือในระหว่างที่ถูกจำคุก โดยมีการจัดงาน “เพื่อนไพรี” เลี้ยงน้ำระดมเงินช่วยเหลือเป็นค่าใช้หนี้และค่าใช้จ่ายให้กับครอบครัวผม  ผมต้องกราบขอคุณทุกคนที่เมตตาช่วยเหลือผมในครั้งนี้  แต่โดยส่วนตัวผมคงนอนตายตาไม่หลับแน่หากผมไม่ได้ล้างมลทินที่ กกต.ยัดเยียดมลทินติดตัวผม  จึงร้องขอความเป็นธรรมต่อศาลให้รื้อคดีขึ้นมาพิจารณาใหม่รวมทั้งร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชนให้ช่วยนำเสนอขอเท็จจริงในเรื่องนี้ด้วย นายไพโรจน์ หรือไพรี กล่าวด้วยน้ำตานองใบหน้าในที่สุด.

ขอบคุณภาพ/คลิป/ ศูนย์ข่าวนคร 24 ชม.สมาคมสื่อมวลชนนครศรีธรรมราช

ข่าว ยุทธนะ เตมะศิริ ผู้สื่อข่าวภูมิภาค สำนักข่าวทีนิวส์ จ.นครศรีธรรมราช