ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

สถานการณ์การเมืองคึกคักอีกครั้งบรรดาพรรคการเมืองใหม่ประกาศรุกรบทางการเมืองเต็มขั้น  ล่าสุดกับการเปิดตัว “พรรครวมพลังประชาชาติไทย” (รปช.) ที่ในวันนี้ (3 มิถุนายน)  ได้มีการจัดประชุมผู้ก่อตั้งและผู้สนับสนุนของพรรค ที่ศาลาดนตรีสุริยเทพ มหาวิทยาลัยรังสิต  เป็นการเปิดตัวผู้ก่อตั้งพรรคและผู้สนับสนุนของพรรค

 

แม้จะเปิดตัวด้วยบทบาทของ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ ปาฐกถาพิเศษเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการ แต่สาระสำคัญคือทุกสายตาทางการเมืองจับจ้องไปที่ “นายสุเทพ เทือกสุบรรณ” ว่าจะขยับตัวอย่างไร

ภายหลังเสร็จสิ้นการเปิดตัวร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย  นายสุเทพ ได้ให้สำภาษณ์ ถึงกรณีเคยสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นนายกฯ  ว่า ได้แสดงจุดยืนของตัวเองตั้งแต่หลัง คสช.ยึดอำนาจ เมื่อ 22 พ.ค.57 แล้วว่าสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ และดำเนินการปฏิรูปประเทศตามเจตนารมณ์ประชาชน ซึ่งตอบแบบนี้มาโดยตลอด

 

 

ไม่นิรโทษกรรมให้ใครทั้งสิ้น!! "สุเทพ"ตอกหน้าไพร่หมื่นล้าน ไม่ร่วมวง"ฉีกรธน." ยึดเจตนารมณ์ของประชาชน!!

 

"แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป ผมไม่ใช่คนที่มีเสรีที่จะพูดอะไรก็ได้ ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นส่วนตัว เนื่องจากตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ดังนั้น ต่อไปนี้การแสดงความคิดเห็นของผมต้องเป็นเรื่องของพรรครวมพลังประชาชาติไทย ซึ่งบอกไปแล้วว่าพรรคนี้ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินใจ" 

 

ไม่นิรโทษกรรมให้ใครทั้งสิ้น!! "สุเทพ"ตอกหน้าไพร่หมื่นล้าน ไม่ร่วมวง"ฉีกรธน." ยึดเจตนารมณ์ของประชาชน!!

 

นายสุเทพ กล่าวว่า ส่วนการดูดนักการเมืองของพรรคต่างๆ และวันนี้มีอดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มาร่วมด้วยนั้น ยืนยันว่าพรรคนี้ไม่ดูดใคร คนที่เคยเป็นกลุ่มประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ร่วมกับตน ตนไม่ได้ชวนคนเหล่านั้นมาร่วมด้วย ส่วนคนที่มาร่วมพรรคในวันนี้คือ นายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี ที่เป็นน้องชาย

 

"ความเป็น กปปส.จบลงแล้วเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 เรื่องราวของผมกับ กปปส.ถือเป็นตำนาน วันนี้ไม่ได้มาตั้งพรรคของ กปปส.เพราะ กปปส.จบแล้ว หมดภารกิจ แต่เมื่อจัดตั้งพรรคการเมืองของประชาชน และคนที่ตั้งพรรคได้เห็นคุณค่า เจตนารมณ์ของมวลมหาประชาชน พรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงอาสาที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของ กปปส." 

 

นายสุเทพ กล่าวอีกว่า ส่วนที่วิจารณ์ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยจะมาแย่งฐานเสียงพรรคประชาธิปัตย์ นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องหนีไม่พ้นที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์หรือตั้งข้อสังเกตว่าจะไปแย่งฐานเสียงประชาธิปัตย์หรือไม่ แต่ขอให้ทุกฝ่ายอย่ากังวลใจการทำงานทางการเมืองของพรรครวมพลังประชาชาติไทยเพราะพรรคนี้ไม่ตั้งตัวเป็นคู่แข่งหรือศัตรูกับใคร พร้อมร่วมมือกับนักการเมืองและพรรคการเมืองอื่นๆ หากมีจุดยืนเดียวกัน และจะไม่ตอบโต้ไม่ว่าจะถูกโจมตีอย่างไร

 

ไม่นิรโทษกรรมให้ใครทั้งสิ้น!! "สุเทพ"ตอกหน้าไพร่หมื่นล้าน ไม่ร่วมวง"ฉีกรธน." ยึดเจตนารมณ์ของประชาชน!!

 

"ยืนยันว่า รปช.คือปรากฏการณ์ใหม่ของการเมือง เพราะคือพรรคการเมืองของประชาชนที่ไม่มีใครบงการได้และฟังคำสั่งประชาชนเท่านั้น ส่วนรายชื่อบุคคลที่สมควรจะเป็นนายกฯ นั้นให้รอไปก่อน 3 เดือน เพราะจะต้องรณรงค์สมาชิกพรรค เลือกสมาชิก และหัวหน้าพรรคก่อน จากนั้นผู้บริหารพรรคจะเป็นผู้ตอบคำถามนี้ต่อไป ขอย้ำว่าพรรคทำงานแบบตรงไปตรงมา ยึดศรัทธาของประชาชน" 

 

 

ส่วนที่หลายพรรคประกาศยกเลิกหรือแก้ไข รัฐธรรมนูญ 60 นายสุเทพ กล่าวว่า ประชาชนแสดงออกอย่างชัดเจนด้วยการไปลงคะแนนประชามติรับรัฐธรรมนูญปี 60 ถึง 16 ล้าน 8 แสนคน ซึ่งประชาชนได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนแล้วว่าสนับสนุนรัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะวางกรอบปฏิรูปประเทศสอดคล้องกับเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ เพราะฉะนั้นวันนี้หากจะมีนักการเมืองบางคนบาง บางฝ่ายประกาศยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 60 แต่พรรครวมพลังประชาชาติไทยจะยึดถือเอาเจตนารมณ์ของประชาชนที่ไปลงประชามติรัฐธรรมนูญ

 

"ผมไม่เคยคุยกับคสช.และเชื่อว่ากำลังเดินหน้าไปสู่การเลือกตั้งตามโรดแมป ขอย้ำว่าจุดยืนของพรรคคือจุดยืนประชาชน จะไม่นิรโทษกรรมให้ใครทั้งสิ้น" 

 

อย่างไรก็ตามก็หน้านี้ทาง พรรคอนาคตใหม่ กับแนวคิดประชาธิปไตยสุดทาง ที่นำโดย”ธนาธร จึงรุ่งเรืงกิจ” หัวหน้าพรรค หลังจากที่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเร็วๆนี้  และได้ปักธงทางความคิด ต้องการเส้นแบ่งพรรคการเมือง เพื่อให้นำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ  โดยเฉพาะกับประโยคเด็ดของนายธนาธร ..

 

ไม่นิรโทษกรรมให้ใครทั้งสิ้น!! "สุเทพ"ตอกหน้าไพร่หมื่นล้าน ไม่ร่วมวง"ฉีกรธน." ยึดเจตนารมณ์ของประชาชน!!

 

“เราไม่ใช่แค่แก้ไข แต่เราจะฉีก ล้มรัฐธรรมนูญ เพื่อออกจากอำนาจที่ไม่ขอบธรรมของคสช.”

 

อีกทั้งพร้อมดำเนินการนิรโทษกรรมนักโทษการเมืองยุคคสช. ซึ่งประเด็นดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของผู้คนในสังคมเป็นวงกว้าง อีกด้วย