- 16 มิ.ย. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
จากกรณีพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ลงนามหนังสือขอให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาทุกจังหวัดหรือ พศจ. จัดส่งข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยงกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด กรณีที่พระภิกษุไม่ต้องถือเงินสด แต่จะนำเข้าบัญชีส่วนกลางของวัดทันทีที่ได้รับเงิน โดยให้ พศจ.ทุกแห่งสำรวจข้อมูลโดยด่วนซึ่งหากพบวัดใด ในพื้นที่ มีการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด ขอให้ พศจ.สัมภาษณ์เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการดำเนินการสรุปข้อมูลขั้นตอนและวิธีการให้ พศ.ทราบนั้น
ต่อมามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ที่มีทั้งพระและฆราวาส รวมทั้งพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ แห่งวัดสร้อยทอง ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีสำนักงานพระพุทธศาสนาแหง่ชาติ ได้ส่งหนังสือแจ้งวัดทั่วประเทศ ได้มีการตรวจสอบบัญชี โดยพระมหาไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีนี้ถึงสองช่วงด้วยกันดังนี้
จะมาตรวจบัญชีก็มาเถอะนะ ตั้งแต่เสร็จงานทอดผ้าป่าตั้งกองทุนการศึกษาให้โรงเรียน กับซื้อจีวรถวายเณรแล้ว เหลือปัจจัยอยู่ 78 บาท 40 สตางค์
มาตั้งคำถามกับพระที่รับเงินทีละ 100 200 ทีพระดังดังบางรูปจะนิมนต์เทศน์ทีค่าตัว 50,000 ไม่เห็นพูดเลย หึหึ
อย่างไรก็ตามหากลองย้อนไปก่อนหน้านี้ที่ได้รับทราบเรื่องราวของสมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบันเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติ แม้ขณะนั้นท่านเป็นถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ทรงสมถะเป็นอย่างยิ่ง และหนึ่งในคำสอนของท่านก็ยังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้
เรื่องราวของสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ที่มีผู้จารึกไว้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน พุทธศักราช 2555 ซึ่งแม้ขณะนี้ท่านฯ จะมีพระนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากแต่สำหรับผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อวัตรปฏิบัติของท่านฯก็ยังพูดต่อกล่าวขานว่า พระองค์เป็น พระชั้นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นกันเองอย่างมาก ทั้งยังมีความสมถะเป็นที่สุด รถยนต์ท่านก็ไม่มี ใครนิมนต์ไป หากมารับไม่ทัน ท่านก็นั่งแท็กซี่ไปเอง
บ่ายวันหนึ่ง ที่กุฏิเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หลังจากผู้ที่มาถวายสักการะท่านเจ้าประคุณสมเด็จกลับไปหมดแล้ว มีโยมท่านหนึ่งกราบเรียนถามท่านเจ้าประคุณสมเด็จว่า
“ท่านอาจารย์ ปัจจัยมากๆ ท่านอาจารย์ใช้ปัจจัยอย่างไรครับผม?”
โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ก็เมตตาพูดให้ฟังว่า ปัจจัยที่เราได้มานั้น
1.นำเข้ามูลนิธิหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ท่านเป็นประธานอยู่
2.นำไปช่วยเหลือโรงเรียนวัดราชบพิธฯ ที่ท่านเป็นประธานอยู่
3.นำมาสงเคราะห์ให้กับพระเณร ที่อยู่ในวัดราชบพิธฯ และช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้
สุดท้าย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้กล่าวไว้ว่า.........
“เราไม่มีแม้สักแดงเดียวนะ เราไม่สะสม แม้แต่เหรียญอาจารย์ฝั้นสักเหรียญเรายังไม่มี รถเราก็ไม่มี”