“เราไม่มีแม้สักแดงเดียว เราไม่สะสม รถก็ไม่มี ใครนิมนต์มารับไม่ทัน ก็ขึ้นแท็กซี่ไป”พระสังฆราช แบบอย่างอริยะสงฆ์ครั้นแม้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ลงนามหนังสือขอให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาทุกจังหวัดหรือ พศจ. จัดส่งข้อมูลวัดที่มีการวางระบบเกี่ยงกับการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด กรณีที่พระภิกษุไม่ต้องถือเงินสด แต่จะนำเข้าบัญชีส่วนกลางของวัดทันทีที่ได้รับเงิน โดยให้ พศจ.ทุกแห่งสำรวจข้อมูลโดยด่วนซึ่งหากพบวัดใด ในพื้นที่ มีการจัดการด้านการเงินและบัญชีของวัด ขอให้ พศจ.สัมภาษณ์เกี่ยวกับขั้นตอนและวิธีการดำเนินการสรุปข้อมูลขั้นตอนและวิธีการให้ พศ.ทราบนั้น

 

 

“เราไม่มีแม้สักแดงเดียว เราไม่สะสม รถก็ไม่มี ใครนิมนต์มารับไม่ทัน ก็ขึ้นแท็กซี่ไป”พระสังฆราช แบบอย่างอริยะสงฆ์ครั้นแม้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่

 

       ต่อมามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย ที่มีทั้งพระและฆราวาส รวมทั้งพระมหาไพรวัลย์ วรวณฺโณ แห่งวัดสร้อยทอง ที่ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงกรณีสำนักงานพระพุทธศาสนาแหง่ชาติ ได้ส่งหนังสือแจ้งวัดทั่วประเทศ ได้มีการตรวจสอบบัญชี โดยพระมหาไพรวัลย์ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีนี้ถึงสองช่วงด้วยกันดังนี้

 

จะมาตรวจบัญชีก็มาเถอะนะ ตั้งแต่เสร็จงานทอดผ้าป่าตั้งกองทุนการศึกษาให้โรงเรียน กับซื้อจีวรถวายเณรแล้ว เหลือปัจจัยอยู่ 78 บาท 40 สตางค์

 

มาตั้งคำถามกับพระที่รับเงินทีละ 100 200 ทีพระดังดังบางรูปจะนิมนต์เทศน์ทีค่าตัว 50,000 ไม่เห็นพูดเลย หึหึ

 

 

 

“เราไม่มีแม้สักแดงเดียว เราไม่สะสม รถก็ไม่มี ใครนิมนต์มารับไม่ทัน ก็ขึ้นแท็กซี่ไป”พระสังฆราช แบบอย่างอริยะสงฆ์ครั้นแม้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่

 

       อย่างไรก็ตามหากลองย้อนไปก่อนหน้านี้ที่ได้รับทราบเรื่องราวของสมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบันเกี่ยวกับวัตรปฏิบัติ แม้ขณะนั้นท่านเป็นถึงพระเถระชั้นผู้ใหญ่แล้ว แต่ก็ทรงสมถะเป็นอย่างยิ่ง และหนึ่งในคำสอนของท่านก็ยังเป็นที่พูดถึงในขณะนี้

 

เรื่องราวของสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ ที่มีผู้จารึกไว้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 เมษายน พุทธศักราช 2555 ซึ่งแม้ขณะนี้ท่านฯ จะมีพระนามว่า สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช พระองค์ที่ 20 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ หากแต่สำหรับผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อวัตรปฏิบัติของท่านฯก็ยังพูดต่อกล่าวขานว่า พระองค์เป็น พระชั้นผู้ใหญ่ที่มีความเป็นกันเองอย่างมาก ทั้งยังมีความสมถะเป็นที่สุด รถยนต์ท่านก็ไม่มี ใครนิมนต์ไป หากมารับไม่ทัน ท่านก็นั่งแท็กซี่ไปเอง

 

“เราไม่มีแม้สักแดงเดียว เราไม่สะสม รถก็ไม่มี ใครนิมนต์มารับไม่ทัน ก็ขึ้นแท็กซี่ไป”พระสังฆราช แบบอย่างอริยะสงฆ์ครั้นแม้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่

 

บ่ายวันหนึ่ง ที่กุฏิเจ้าประคุณสมเด็จพระมหามุนีวงศ์ หลังจากผู้ที่มาถวายสักการะท่านเจ้าประคุณสมเด็จกลับไปหมดแล้ว มีโยมท่านหนึ่งกราบเรียนถามท่านเจ้าประคุณสมเด็จว่า

 

 “ท่านอาจารย์ ปัจจัยมากๆ ท่านอาจารย์ใช้ปัจจัยอย่างไรครับผม?”

 

 โดยท่านเจ้าประคุณสมเด็จ ก็เมตตาพูดให้ฟังว่า ปัจจัยที่เราได้มานั้น

 

1.นำเข้ามูลนิธิหลวงปู่ฝั้น อาจาโร ที่ท่านเป็นประธานอยู่

 

2.นำไปช่วยเหลือโรงเรียนวัดราชบพิธฯ ที่ท่านเป็นประธานอยู่

 

3.นำมาสงเคราะห์ให้กับพระเณร ที่อยู่ในวัดราชบพิธฯ และช่วยเหลือผู้คนที่ยากไร้

 

“เราไม่มีแม้สักแดงเดียว เราไม่สะสม รถก็ไม่มี ใครนิมนต์มารับไม่ทัน ก็ขึ้นแท็กซี่ไป”พระสังฆราช แบบอย่างอริยะสงฆ์ครั้นแม้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่

 

สุดท้าย ท่านเจ้าประคุณสมเด็จได้กล่าวไว้ว่า.........

 

 

“เราไม่มีแม้สักแดงเดียวนะ เราไม่สะสม แม้แต่เหรียญอาจารย์ฝั้นสักเหรียญเรายังไม่มี รถเราก็ไม่มี”

 

“เราไม่มีแม้สักแดงเดียว เราไม่สะสม รถก็ไม่มี ใครนิมนต์มารับไม่ทัน ก็ขึ้นแท็กซี่ไป”พระสังฆราช แบบอย่างอริยะสงฆ์ครั้นแม้เป็นพระเถระชั้นผู้ใหญ่