ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เคลื่อนไหวต่อเนื่องสำหรับสองพี่น้องอดีตนายกหนีคดีอย่างนายทักษิณ-น.ส.ยิ่งลักษณ์  แห่งตระกูลชินวัตร  หลังจากการการปรากฏภาพถ่ายของทั้งคู่ในอิริยาบถต่าง ๆ ใจกลางลอนดอน ตลอดจนบรรยาการงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบ 51 ปี ของน.ส.ยิ่งลักษณ์ เมือวันที่21 มิ.ย.ที่ผ่านมา

ภายในวันเดียวกันภายหลังจากงานเลี้ยงเว็บไซต์บีบีซีไทย ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอ และบทสัมภาษณ์ของนายทักษิณ์ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การเมืองไทย การเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นในปี62 ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่

 

โดยนายทักษิณได้ให้สัมภาษณ์ว่า “สาธุ ..ขอให้เกิดเถอะ เพราะสงสารประชาชน” ซึ่งนายทักษิณได้กล่าวอย่างมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยจะสร้างชนะเลือกตั้งได้เป็นที่หนึ่ง อย่างแน่นอน ในช่วงท้ายของคลิปดังกล่าว นายทักษิณกล่าวเน้นย้ำด้วยว่า...

 

“ถ้าเป็นลูกผู้ชายก็อย่างไปโกง เป็นลูกผู้ชายชาติทหารอย่าไปคิดโกงเลือกตั้งเด็ดขาด ไม่อายเขาก็อายตัวเอง”

 

สำหรับคำว่า “ชายชาติทหาร” ที่นายทักษิณได้กล่าวถึงนั้น มีเจตนาที่จะหมายถึงใครกันแน่.. ซึ่งด้วยสิ่งแวดล้อมต่างๆคงตีความเป็นอื่นไม่ได้ นอกเสียจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช่หรือไม่??

 

และดูเหมือนว่านายทักษิณอาจจะกำลังเข้าใจผิดอย่างรุนแรง เพราะไม่ว่าจะเป็น เพศชายหรือหญิง เป็นทหาร นักการเมือง หรือนักธุรกิจ ก็ไม่ควรโกงเลือกตั้งด้วยกันทั้งสิน 

อีกทั้งการกล่าวหาทั้งๆที่เหตุการณ์ยังไม่เกิดขึ้นจริง หรือการมโนไปเองของนายทักษิณ จึงดูไม่สมน้ำสมเนื้อ ไม่ยุติธรรมสำหรับคนที่ถูกกล่าวถึงเอาเสียเลย แต่สำหรับการโกงเลือกตั้ง มีหนึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง จนขึ้นขณะที่ศาลตัดสินยุบพรรคเลยทีเดียว นั้นก็คือ พรรคไทยรักไทย ฝ่ายใต้การดูแลของนายทักษิณ

 

ย้อนไปเมื่อ 11 ปีที่แล้ว ในวันที่ 30 พ.ค.2550 คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยให้ยุบ‘พรรคไทยรักไทย’ ในข้อหา ว่าจ้างพรรคการเมืองเล็กลงสมัครรับเลือกตั้งเพื่อหนีเกณฑ์ 20 % เนื่องจากตามกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. ขระนั้นได้กำหนดว่า ในเขตเลือกตั้งใดมีผู้สมัครรายเดียว  ผู้ได้รับเลือกตั้งต้องได้คะแนนมากกว่า20 % ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดในเขตเลือกตั้งนั้นๆ 

 

เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาอย่างมากของพรรคไทยรักไทย และในเขตเลือกตั้งพื้นที่ภาคใต้ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 49 ถูกบอยคอตโดยพรรคการเมืองหลายพรรค ที่ไม่ยอมส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากเห็นว่า การที่นายทักษิณ ซึ่งนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ยุบสภา ก็เพื่อดีดตัวเองออกมาจากวิกฤตการเมือง อีกทั้งการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นขาดความไม่ชอบธรรมหลายประการ ทั้งเอาเปรียบพรรคอื่นและอำนาจรัฐอยู่ในมือ 

 


         ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่2 เมษายน2549พรรคไทยรักไทย ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อถึง 18.99ล้านเสียง  แต่ถูกร้องว่า ว่าจ้างพรรคการเมืองขนาดเล็กลงเลือกตั้งเพราะต้องการหลีกเลี่ยงกฎ 20% คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงตั้งอนุกรรมการขึ้นมาสอบ ซึ่งผลปรากฏว่ามีมูล และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อคณะตุลาการรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคไทยรักไทย และ2 พรรคการเมืองเล็ก คือพรรคพัฒนาชาติไทย และพรรคแผ่นดินไทย


       โดยคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญที่ให้ยุบพรรคไทยรักไทยนั้น คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ เห็นว่า พรรคไทยรักไทยสนับสนุนให้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงฐานข้อมูลผู้สมัครรับเลือกตั้งของพรรคการเมืองเล็ก   จึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ และการที่พรรคไทยรักไทยจ้างบุคคลอื่นลงสมัครรับเลือกตั้งในนามพรรคการเมืองอื่น ถือได้ว่าเป็นการกระทำให้ได้มาซึ่งอำนาจการปกครองประเทศนอกเหนือจากที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ เป็นการะทำที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อย ศีลธรรมอันดีของประชาชน



     และสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้น ใครน่าอายกว่ากัน .. ใครควรอายตัวเอง ??

คงจะได้คำตอบในใจดีอยู่แล้ว!!