"บิ๊กตู่"  โว 4 ปี คสช. ปิดทองหลังพระ-จนล้นมาข้างหน้า เป็นที่ประจักษ์แก่ประชาคมโลก

ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

 

วันนี้ (23 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. กล่าวในรายการ "ศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน" ใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า ตนขอน้อมนำพระบรมราโชวาท ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่พระราชทานไว้ เมื่อ 50 ปีที่ผ่านมา เกี่ยวกับเรื่องของการปิดทองหลังพระใจความตอนหนึ่งว่า การทำงานด้วยใจรัก ต้องหวังผลงานนั้นเป็นสำคัญ แม้จะไม่มีใครรู้ ใครเห็น ก็ไม่น่าวิตก เพราะผลสำเร็จนั้น จะเป็นประจักษ์พยานที่มั่นคง ที่ต้องนำมากล่าวในวันนี้นั้นก็เนื่องจากจะบอกว่า ระยะเวลา 4 ปีของ คสช. ที่บริหารราชการแผ่นดินมา สามารถนำความสุขคืนสู่ปวงชนชาวไทยได้ตามที่มุ่งหวัง และตั้งใจไว้ ในช่วงแรกที่มาของคสช. อาจไม่เป็นที่ยอมรับจากนานาอารยประเทศถึงแม้ว่าจะไม่ 100 เปอร์เซ็นต์ก็ตามแต่ในวันนี้ รัฐบาล และคสช.ก็ได้พยายามพิสูจน์ให้เห็นถึงความจริงใจอันบริสุทธิ์

 

นายกฯ ยังระบุด้วยว่า ที่ผ่านมาผลงานไม่ได้สำเร็จทั้งหมด และเป็นธรรมดาของการทำงานที่จะต้องมีอุปสรรค แต่ก็ต้องได้รับการยอมรับ ทั้งจากประชาชนของเราเอง จากประชาคมโลกในที่สุด ทองเนื้อเก้าที่รัฐบาลและคสช. เพียรติดหลังองค์พระ บัดนี้ก็ได้ล้นมาข้างหน้า จนประชาคมโลกได้ประจักษ์ ที่ผ่านมาผมได้รับเชิญให้ไปเยือนญี่ปุ่น จีน รัสเซีย สหรัฐอเมริกา และอินเดีย อย่างเป็นทางการ ด้วยความเชื่อมั่น ไว้ใจ และจริงใจต่อกัน และวันนี้ภายหลังจากที่สหภาพยุโรป มีมติข้อผ่อนปรนให้แก่ประเทศไทยของเรา ก็ได้เปิดโอกาสให้เรา สามารถเดินหน้าสานต่อความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ได้

 

"อยากจะกล่าวว่าปัจจุบัน ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้านของเรานั้น อยู่ในระดับดีเยี่ยมที่สุดในรอบหลายปี ชายแดนสงบสุข มีการเปิดจุดผ่านแดนเพิ่มขึ้น ทั้งกับเมียนมา และกัมพูชา เปิดโอกาสให้ประชาชนไปมาหาสู่กันมากขึ้น การค้าขายตามแนวชายแดนขยายตัวมากขึ้น นอกจากนี้ แม้ว่าบริบทการต่างประเทศจะมีการแข่งขันกันสูงมาก แต่เราก็สามารถดำเนินนโยบายต่างประเทศได้อย่างสมดุล โดยมีปฏิสัมพันธ์กับนานาประเทศทั่วโลก สะท้อนให้เห็นว่าในช่วง 4 ปีที่ผ่านมานั้นรัฐบาลได้ฟื้นฟูเกียรติภูมิของประเทศ ให้รอดพ้นจากสภาวะรัฐล้มเหลวเป็นประเทศที่ได้รับการยอมรับจากประชาคมโลก เพิ่มมาโดยลำดับ" นายกฯ ระบุ พร้อมทิ้งท้ายว่า


"ดังนั้น ช่วง 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้แก้ไขปัญหาที่เป็นอุปสรรคในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มกำลัง รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์กับประเทศต่าง ๆ เพื่อวางรากฐานด้านการต่างประเทศให้มีความเข้มแข็งสามารถช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้ก้าวหน้า โดยในอนาคตอันใกล้ ไทยจะเป็นประธานอาเซียนในปี 2562 และเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอด APEในปี 2565 โดยทั้ง 2 โอกาสจะเป็นเวทีให้ไทยผลักดันความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อไทยและภูมิภาคในภาพรวม เพื่อให้ทุกฝ่าย เติบโตไปพร้อมกัน โดยไม่ทิ้งใครไว้เบื้องหลัง"

 

"ผมขอฝากถึงพี่น้องประชาชนทุกคนทุกฝ่ายรวมทั้งข้าราชการและทุกภาคส่วน เราทุกคนล้วนมีบทบาท หน้าที่ และความสำคัญ ต่อการพัฒนาประเทศ ทั้งสิ้น ไม่ว่า จะเป็นทางใดทางหนึ่ง การปิดทองหลังพระหรือการทำหน้าที่ปกติก็ตาม ผมอยากบอกว่า เราไม่สามารถทำให้ถูกใจใครทั้งหมด แต่เราสามารถทำให้ดีที่สุดได้ ตราบใดที่เรามีความเชื่อและศรัทธา ว่าสิ่งที่เรากำลังทำนั้น ถูกแล้ว ควรแล้ว เพื่อประเทศชาติและประชาชนของเรา" นายกฯ ระบุ

 

แฟ้มภาพ