ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

ประเด็นร้อนทางการเมืองในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นอกเหนือจากการการที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. นำทัพคณะรัฐมนตรีกลุ่มกระทรวงเศรษฐกิจ เดินสายโรดโชว์ประเทศอังกฤษ-ฝรั่งเศส ยักษ์ใหญ่แห่งสหภาพยุโรป (EU) ระหว่างวันที่ 18-26 มิถุนายนนี้ ถือเป็ยก้าวสำคัญ ที่ประเทศไทยเริ่มเดินหน้าเชิงรุก หลังจากอียูส่งสัญญาณฟื้นความสัมพันธ์ไทยทุกระดับ เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมาแล้ว

 

อีกด้านหนึ่งกับการปรากฏตัวของพี่น้องนักโทษหนีคดี “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ” ในลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยเฉพาะ การออกมาเคลื่อนไหวรายวัน พร้อมประกาศอย่างหนักแน่นว่าพรรคเพื่อไทยเขียวทั้งอีสาน จะสามารถชนะการเลือกตั้งครั้งต่อไปอย่างแน่นอน

 

โดยเฉพาะ คลิปวิดีโอ นาย ทักษิณ ในกิริยาคล้ายกับกำลังวีดีโอคอลกับใครบางคนมีเนื้อหาใจความว่า ตนกำลังจะบอกว่า เราจะชนะทุกเขตทางภาคอีสาน แล้วกำลังทวิตเตอร์ขอบคุณมากที่ออกไป ได้ฝึกเป็นคนเสียสละเป็นอย่างมากเพื่อให้คนรุ่นใหม่เข้ามาเป็นผู้แทน ผมได้บอกไปว่า  คนที่ออกจากพรรคไปมี 2 ประการ 

 ประการที่ 1.คนที่ออกไปเพื่อเก็บสตางค์ แล้วก็เลิกเล่นการเมือง เพราะว่า พวกนี้หน้าโง่จ่ายให้ ก็เก็บสตางค์ไปพักผ่อนซะ 

 

แล้วอีกประเภทหนึ่งก็คือ 2.เป็นคนที่มั่นใจในตัวเอง ลืมไปว่าคะแนนตัวเองแพ้คะแนนพรรคมาโดยตลอด มาเที่ยวนี้ดีแล้วจะได้เอาเด็กรุ่นใหม่ขึ้นมาแทนเดี่ยวจ.เลย และที่โคราชหรือจ.นครราชสีมา ต้องมีคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแทน ดีมากเลย เออ 

 

อย่างไรก็ตามหากจะพิจารณาตามสภาพความเป็นที่เป็นอยู่ของพรรคเพื่อไทยขณะ เรียกได้ว่าร่อแร่ ถึงขั้นวิกฤติ อยู่ในสภาวะไร้หัว ขาดคนถือธงนำทัพ บาปซ้ำกรรมซัด พรรคเพื่อไทยอยู่ในสภาพกำลังเลือดไหล หลังการเกิดขึ้นของกลุ่ม สามมิตร นำโดย นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ได้รวบรวมอดีตส.ส.จัดตังกลุ่มการเมืองดังกล่าวขึ้น  โดยเฉพาะกลุ่มอดีต ส.ส.เลยของ พรรคเพื่อไทย ที่จะเข้าร่วมกลุ่มสามมิตรอย่างไม่เป็นทางการไปแล้วเมื่อวันจันทร์(18 มิ.ย.)ที่ผ่านมา โดยสามารถรวบรวมได้แล้วกว่า 30 คน 

 

ทำให้เกิดภาวะระส่ำกระหน่ำขึ้นอย่างหนัก แม้”ภูมิธรรม เวชยชัย” รีบออกห้ามเลือด ซัดอดีตส.ส. ที่ย้ายออกว่าทิ้งอุดมการณ์ ปลุกพลังให้ อดีตส.ส. ที่เหลืออยู่ แต่คงไม่เพียง จึงต้องถึงมือ นายใหญ่ ออกมาห้ามเลือดเสียเอง แต่จะสามารถห้ามเลือดได้สำเร็จหรือไม่นั้นต้องค่อยติดตามดู

แต่การที่นายทักษิณออกนั้นจะอาจส่งผลเสียให้กับพรรคมากกว่าที่จะเป็นผลดี เพราะคล้ายกับว่าจะส่งสัญญาณถึงคนในพรรคว่าตนยังเฝ้าดูอยู่ ยังไม่ได้ไปไหน คล้ายกับว่าเป็นเจ้าเข้าเจ้าของพรรคเพื่อไทยอย่างไงอย่างงั้น??

 

และไม่แน่ว่าพฤติกรรมดังกล่าวยังทำให้พรรคเพื่อไทย มีความเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคก็เป็นได้ เพราะอาจจะไปเข้าข่ายในลักษณะการครอบงำ ชี้นำโดยบุคคลซึ่งไม่ใช่สมาชิกพรรค หรือกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ 

 

เพราะตามกฎหมายพรรคการเมืองไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าว รวมถึงการนำเงินจากต่างประเทศเข้ามาสู่พรรคก็ไม่ได้ และตรงนี้มีการพิสูจน์แล้วพบว่ามีความผิดจริงตามกฎหมาย โดยได้กำหนดโทษสูงถึงขั้นยุบพรรคและถูกตัดสิทธิทางการเมือง 

 

สำหรับพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ที่เกี่ยวข้อง

มาตรา 28 ห้ามมิให้พรรคการเมืองยินยอม หรือ กระทำการใดอันทำให้บุคคลอื่นซึ่งไม่ใช่สมาชิก กระทำการอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่า โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม


มาตรา 29 ห้ามมิให้ผู้ใด ซึ่งมิใช่สมาชิกกระทำการใดอันเป็นการควบคุม ครอบงำ หรือ ชี้นำกิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรคการเมือง หรือสมาชิกขาดอิสระ ทั้งนี้ไม่ว่าโทยทางตรงหรือโดยทางอ้อม


มาตรา 108 ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 29 ต้องระวางโทษจำคุก ตั้งแต่ 5 ปี-10 ปี และปรับตั้งแต่ 100,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้ของผู้นั้น

อย่างไรก็ตามในอนาคตหากเกิดเหตุการณ์ยุบพรรคเพื่อไทยขึ้นมาจากจริง จะมาอ้างว่าถูกกลั้นแกล้งทางการเมือง ก็คงจะฟังไม่ขึ้น!!