ถึงเวลาต้องเรียกร้อง..! "ยายทองคำ" นำทัพชาวบ้านนับพัน บุกทวงความคืบหน้า ขอที่ดินทำกินจากรัฐ หลังหดหายไป 2,594 ไร่ โดยที่ทางราชการบีบบังคับ!?

เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 61   ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่บริเวณด้านหน้าศาลากลางจังหวัดศรีสะเกษหลังเก่า ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ   นางทองคำ  ไชยชาญ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 11 ชุมชนโนนสำราญ  ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย นางน้อยฉวี   ศรีพล  อายุ 68 ปี อยู่บ้านเลขที่ 79 / 1 ม.11 ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นางห่วง   แซ่เตีย  อายุ 65 ปี อยู่บ้านเลขที่ 292 ม.8 บ้านโนนสำนัก อ.เมือง  จ.ศรีสะเกษ ได้นำชาวบ้านซึ่งเป็นตัวแทนของชาวบ้านจาก 8 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านโนนแย้  บ้านโนนหล่อ  บ้านโนนแดง บ้านเพียนาม ม.9 บ้านเพียนาม ม.3 บ้านโนนสำนัก  ชุมชนโนนสำราญ  ชุมชนกุดหวาย  อยู่ในเขต 2 ตำบล  คือ ต.หญ้าปล้องกับ ต.หนองไผ่ อ.เมืองศรีสะเกษ จำนวนประมาณ  500 คน  ซึ่งพื้นที่ทั้งหมดอยู่ในเขตสาธารณะประโยชน์โนนป่ายาง และขณะนี้มีชาวบ้านอาศัยอยู่ประมาณ  20,000 คน  มาชุมนุมกันเพื่อติดตามความคืบหน้าของการเรียกร้องขอที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยมานานหลายสิบปีแล้ว  แต่ว่าไม่มีความเคลื่อนไหวเพื่อแก้ไขปัญหาให้แก่ชาวบ้านแต่อย่างใด  ซึ่งบรรดาแกนนำชาวบ้านได้ผลัดกันกล่าวปราศรัยให้ทราบถึงสาเหตุของการมาชุมนุมในครั้งนี้  โดยมี นายสรายุทธ   แก้วกุลปรีชา  ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ และคณะ  ลงมาพบกับชาวบ้านพร้อมทั้งรับหนังสือร้องทุกข์จากชาวบ้านเพื่อรายงานให้  ผวจ.ศรีสะเกษ  ทราบต่อไป

 

 

 

 

นางทองคำ  ไชยชาญ อายุ 75 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 11 ชุมชนโนนสำราญ ต.หญ้าปล้อง อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ แกนนำชาวบ้านกล่าวว่า   พวกตนชาวบ้านทั้ง 8 หมู่บ้านได้เข้ามาอาศัยทำกินในเขตโนนป่ายางมานานหลายชั่วอายุคนแล้ว โดยทำกินมาก่อนปี 2468 ซึ่งชาวบ้านมีพยานบุคคลที่มีชีวิตอยู่คือ  นางสี  วงศ์แจ้ง  อายุ  95 ปี เกิดปี พ.ศ.2466  และ ที่เสียชีวิตไปแล้วคือ  นายสร้อย น้อยมิ่ง เกิดปี พ.ศ.2413 นางปลิง   สาลี  เกิดปี 2445 เป็นต้น  และต่อมาปี พ.ศ.2468 ทางราชการได้มีการประกาศให้บริเวณที่ชาวบ้านอาศัยอยู่ที่เป็นที่ดินทำกินให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ โดยระบุว่ามีเนื้อที่ 4,125 ไร่ แต่ว่าเมื่อชาวบ้านร้องขอเอกสารสิทธิ์ที่ดิน และทางราชการได้มีการออกมาตรวจสอบที่ดิน ปรากฏว่า โนนป่ายางมีที่ดินเหลือเพียง 1,531 ไร่ เท่านั้น  ซึ่งกลุ่มชาวบ้านสงสัยว่า เพราะเหตุใดที่ดินจึงหดหายไป จำนวน 2,594 ไร่  พวกตนจึงขอเรียกร้องให้ทางราชการได้มีการตรวจสอบว่า ที่ดินโนนป่ายางมีพื้นที่ที่แท้จริงจำนวนเท่าใด กว้างยาวเท่าใด  อาณาเขตติดต่อที่ใดบ้าง เพื่อให้มีความชัดเจน  ส่วนการที่ทางราชการจะให้แกนนำชาวบ้านส่งตัวแทนเข้าไปร่วมเป็นคณะกรรมการตรวจสอบสิทธิ์ที่ดินทำกินของชาวบ้านที่อาศัยในเขตโนนป่ายางนั้น  ชาวบ้านปฏิเสธที่จะเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการ เนื่องจากว่า เมื่อยังไม่มีการตรวจสอบพื้นที่ที่ดินของโนนป่ายางทั้งหมด 4,125 ไร่แล้ว จะเข้าไปตรวจสอบสิทธิ์ของชาวบ้านได้อย่างไรเป็นการข้ามขั้นตอน   หากทางราชการยังไม่มีการตรวจสอบพื้นที่โนนป่ายางทั้งหมด ชาวบ้านจะดำเนินการเคลื่อนไหวใหญ่เพื่อความเป็นธรรมในเรื่องนี้ต่อไป   โดยจะนัดชุมนุมใหญ่ชาวบ้านทั้ง 8 หมู่บ้านกว่า 20,000 คน ในวันที่ 14 ก.ค. 61 ที่บริเวณวัดบ้านโนนแย้  ต.หญ้าปล้อง อ .เมือง จ.ศรีสะเกษ โดยจะเชิญ ผวจ.ศรีสะเกษและส่วนราชการที่เกี่ยวข้องไปเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

 

 

 

 

 

ทางด้าน นายสรายุทธ  แก้วกุลปรีชา  ปลัดจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวว่า การขึ้นทะเบียนที่สาธารณะประโยชน์ไม่ได้บอกรายละเอียดแนวเขตชัดเจน  เพราะว่าสมัยนั้นปี พ.ศ.2460 คนไทยเขียนหนังสือได้เพียงไม่กี่คน เพราะฉะนั้นหลักฐานโบราณๆแบบนี้จะเอาไปเป็นตัวหนังสือไม่ได้ละเอียด  ตอนนั้นภาพถ่ายทางอากาศยังไม่มีเลย รั้วก็ยังไม่ได้ทำ  ที่สาธารณะที่ใดจะมีการทำรั้วกั้นไว้   แต่หากว่ามีการสอบสวนสิทธิ์ชาวบ้านก็จะได้ประโยชน์ชัดเจนว่า  ใครสมควรได้โฉนดหรือใครควรที่จะเช่าที่ของรัฐเพื่ออยู่อาศัยทำกิน  ถ้าไปหาแนวเขตตนเห็นว่าไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ชาวบ้าน  แต่วันนี้ชาวบ้านกลับมาเรียกร้องให้หาแนวเขตโนนป่ายาง  ซึ่งการไปหาแนวเขตนั้น ตนเห็นว่า ไม่ได้เป็นประโยชน์แก่ชาวบ้าน ถ้าหาแนวเขตที่สาธารณะประโยชน์โนนป่ายางมาได้แล้ว  ชาวบ้านจะได้ประโยชน์จากการครอบครองที่ดินมาก่อนได้อย่างไร  ซึ่งเรื่องนี้ตนจะได้รายงานให้ นายธวัช   สุระบาล ผวจ.ศรีสะเกษ ได้ทราบเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

ภาพ/ข่าว ชยงค์  มณีพันธุ์เจริญ  ผู้สื่อข่าวภูมิภาค  สำนักข่าวทีนิวส์  จ.ศรีสะเกษ