เหมือนทำสงครามกับธรรมชาติ !!!! “ผู้ว่าฯเชียงราย” เปิดแผนช่วย “13ชีวิต” ถ้ำหลวง ...บุกจากหลังถ้ำเพิ่มผนึกกำลังต่างชาติฝีมือดี (รายละเอียด)

จากประเด็นที่มีผู้สูญหาย 13 รายในถ้ำหลวงขุนน้ำนางนอน  อ.เชียงราย จ.เชียงราย ตั้งแต่เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 23 มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่ล่าสุดด้านเจ้าหน้าและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ ที่ได้เข้าทำการช่วยเหลือเป็นวันที่ 7 แล้ว ซึ่งยังไม่สามารถเข้าถึงบริเวณที่คาดว่าทั้ง 13 อยู่ได้ เนื่องจากปริมาณน้ำฝนที่ตกหนัก และไหลท่วมเข้าไปภายในถ้ำทำให้ยากต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่และต้องร่นถอย ถอนกำลังออกมาอยู่หลายครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ตัดสินใจใช้อุปกรณ์ในการสูบน้ำออกจากถ้ำแข่งกับเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

 

 

ท่ามกลางสถานการณ์สุดตึงเครียดนี้ ด้าน  “นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร”  ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย  ซึ่งเป็นผู้นำในการปฏิบัติงานครั้งนี้  ได้กล่าวยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนการทำสงครามกับธรรมชาติ และรู้สึกเสียใจ แต่มีความจำเป็นต้องใช้ทุกวิถีทางในการชิงพื้นที่กลับมาให้ได้ โดยที่ผ่านมาใช้แผนในการปฏิบัติงานค้นหาผู้สูญหาย 4 แผนด้วยกัน คือ

 

 

1. การระบายน้ำเพื่อเปิดเส้นทางให้หน่วยซีลเข้าไปค้นหาผู้สูญหายได้สำเร็จ ซึ่งค่อนข้างแน่ชัดว่าเป้าหมายอยู่ภายในถ้ำ 2 เนินสุดท้ายแน่นอน เนื่องจากพบว่า กลุ่มเด็กเคยเข้าไปเล่นและมีความชำนาญในพื้นที่ดังกล่าว สามารถรู้ในจุดหลบภัยของเส้นทางน้ำได้ นอกจากนี้ ได้เปิดเผยว่า ได้มีการจัดเตรียมอุปกรณ์ครอบหน้าสำหรับเด็ก ที่สามารถหายใจได้ไว้แล้ว 6 ตัว

 

2. แผนการส่งทีม 32 ทีม กระจายสำรวจปล่องรอบนอกบริเวณถ้ำ ผลการปฏิบัติการสามารถเปิดจุดสัมพันธ์ได้แล้ว 3 จุด และพบว่ายังมีอีกจุดสำคัญที่จะเตรียมการเข้าสำรวจในวันพรุ่งนี้ ซึ่งการเปิดจุดที่ 4 ขึ้นอยู่กับการทำงานใน 3 จุดแรก ว่าประสบความสำเร็จหรือไม่ หลังจากล่าสุดสามารถเปิดจุดได้แล้วถึง 50 ม. ซึ่งหากมีการเสริมเครื่องมือในการทำงานลงไป จะสามารถเห็นลักษณะภายในโถงได้ทั้งหมด ซึ่งวันนี้สามารถนำอุปกรณ์นั้นมาใช้งานได้แล้ว และหากพบว่าโถงที่สำรวจนั้นมีความปลอดภัย จะเปิดพื้นที่และหย่อนอาหารลงไปก่อน และหากสามารถเปิดจุดลักษณะนี้ได้หลายจุด จะส่งเจ้าหน้าที่โรยตัวลงไปสำรวจทันที

 

 

และหากพบว่าพื้นที่จุดนั้นมีเด็กติดค้างอยู่ แผนการกู้ชีพคือจะไม่นำตัวเด็กออกจากถ้ำโดยทันที แต่จะใช้วิธีนำอาหารและน้ำ พร้อมเข้าไปดูแลความปลอดภัยและสุขภาพภายในถ้ำก่อน เนื่องจากเกรงว่า หากนำตัวเด็กขึ้นมาทันที จะส่งผลกระทบต่อสายตาที่ปรับแสงไม่ทัน และปอดที่หายใจในอากาศชื้น มีความจำเป็นต้องปรับสภาพร่างกายก่อน แต่หากพบว่าสภาพร่างกายของเด็กมีความพร้อมที่จะนำตัวออกมาได้ ก็จะนำออกมาเลย

 

3. จะบุกจากหลังถ้ำ เนื่องจากมีการสำรวจพบว่า มีธารน้ำไหล และในบริเวณใกล้กันมีช่องที่มีน้ำออกมาได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังปฏิบัติการอยู่ในคืนนี้การนำเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่สามารถสแกนภูเขาได้ หากพบว่าจุดไหนบาง สามารถเจาะผนังได้ แต่เจ้าหน้าที่ตัดสินใจที่จะเลือกเจาะบริเวณด้านข้าง เนื่องจากลักษณะของภูเขาเป็นหินปูน หากเกิดระเบิดจากเพดานถ้ำ จะเกิดความเสี่ยงอันตรายต่อผู้อยู่ในถ้ำได้ แต่เครื่องจักรนี้มีข้อจำกัดเรื่องน้ำหนักที่มากถึง 2 ตัน จึงไม่มีอุปกรณ์ที่สามารถยกขึ้นไปสแกนได้ประสานขอเครื่องเจาะบาดาลจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อทำการเจาะสูบน้ำจากโพรงถ้ำออกมาได้ทันที ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างดำเนินการ

 

 

4. ใช้ผู้เชี่ยวชาญต่างชาติคือ นักประดาน้ำจากอังกฤษ 3 คน ซึ่งเป็นนักดำน้ำถ้ำที่มีความสามารถสูง และ 1 ใน 3 เคยดำน้ำที่ถ้ำแห่งนี้ด้วย ซึ่งวันนี้ทีมผู้เชี่ยวชาญได้ทำการสำรวจแล้วนานกว่า 5 ชม. เพื่อประกอบการทำแผนที่ทางน้ำใช้ในการค้นหาต่อไป

 

ผู้เชี่ยวชาญจากสหรัฐอเมริกาจำนวน 32 นาย จำนวนหนึ่งแยกเข้าที่พักอยู่เซฟเฮาส์ พร้อมอุปกรณ์ที่นำมาช่วยเหลือภารกิจครั้งนี้ จำนวน 4 ตู้คอนเทนเนอร์ ซึ่งเชื่อว่าอุปกรณ์ที่ได้มาจะมีประโยชน์ โดยทีมกู้ภัยของสหรัฐฯ ได้ทำการศึกษาแล้วว่าอุปกรณ์ชิ้นไหนเหมาะสำหรับช่วยเหลือในจุดใด ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครื่องมือที่ดีมากกว่าที่เรามี

 

 

อ้างอิงจาก เพจรวมพลคนรักทหารเรือ