ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

จากกรณีที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางมายังพื้นศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน จ.อุบลราชธานี เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา  พร้อมได้ทวิตเตอร์ ส่วนตัวระบุว่า..

 

20 ปีที่แล้ว ผมได้ร่วมต่อสู้กับพี่น้องชาวปากมูล วันนี้กลับมาเยือนอีกครั้ง ยังอบอุ่นไม่เปลี่ยน 

 

อย่าค้าความจน!!"ธนาธร"ฉวยโอกาสโหนเขื่อนปากมูล อ้างร่วมต่อสู้!! สมัชชาคนจน สวนย้อนสอบข้อมูลก่อน!! ลั่น..ไม่ฝักใฝ่การเมือง

ต่อมาได้ให้เกิดประเด็นถกเถียงกันอย่างดุเดือดเกี่ยวกับพฤติกรรมของ นายธนาธร เนื่องจากในวันดังกล่าว นายกฤษกร ศิลารักษ์ ผู้จัดการสหกรณ์การเกษตรปากมูล โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก "ป้าย บูรพาไม่แพ้" ระบุว่า อย่าค้าความจนเลยครับ 

 

วันนี้ (2 กรกฎาคม 2561) ขณะที่กำลังลงเครื่องที่ดอนเมือง ก็มีหลายคนโทรมาถามกรณี “คุณธราธร” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เดินทางไปที่ศูนย์ภูมิปัญญาไทบ้านปากมูน ผมบอกไปว่า ผมไม่รู้เรื่อง และมีงานที่กทม.

การเดินทางเข้าไปใช้สถานที่นั้น ผมไม่ว่าอะไรหากจะแจ้งกันหน่อย เพราะว่าผมเป็น “ผู้จัดการ” อยู่ นอกจากที่ไม่แจ้งและไม่ขออนุญาตแล้ว ผมจำได้ว่าเมื่อเช้านี้ผมปิดประตูไว้ ดังนั้นการที่คุณธนาธร จะเข้าไปได้ก็คงต้องทุบกุญแจ แน่ ผมจึงไม่สบายใจต้องการกระทำแบบนี่ของคุณธนาธร 

 

อย่าค้าความจน!!"ธนาธร"ฉวยโอกาสโหนเขื่อนปากมูล อ้างร่วมต่อสู้!! สมัชชาคนจน สวนย้อนสอบข้อมูลก่อน!! ลั่น..ไม่ฝักใฝ่การเมือง

 

ประการสำคัญที่ผมรู้สึกไม่ดีต่อการกระทำของคุณธนาธร ในครั้งนี้นั้น คือ พื้นที่ปากมูน ได้ดำรงบทบาทที่จะไม่เลือกข้างทางการเมือง พวกเราหลีกเลี่ยงที่จะถูกผลักให้ไปอยู่ข้างใดข้างหนึ่ง การที่คุณธนาธร หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ กระทำในวันนี้นั้น แน่นอนว่าคุณสามารถสร้างภาพลักษณ์สวยหรูได้ แต่ในทางกลับกันคุณได้ทำลายชื่อเสียงของสมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ลงแล้ว 

จึงจำเป็นต้องแจ้งให้ทุกท่านได้รับทราบว่า นี่ไม่ใช่สิ่งที่ถูกกำหนด ร่วมกัน และไม่อาจยอมรับได้"

 

 

อย่าค้าความจน!!"ธนาธร"ฉวยโอกาสโหนเขื่อนปากมูล อ้างร่วมต่อสู้!! สมัชชาคนจน สวนย้อนสอบข้อมูลก่อน!! ลั่น..ไม่ฝักใฝ่การเมือง

 

ล่าสุด เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม สมัชชาคนจนกรณีเขื่อนปากมูล ได้เผยแพร่แถลงการณ์แสดงความเห็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวอีกครั้ง โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

 

อย่าค้าความจน!!"ธนาธร"ฉวยโอกาสโหนเขื่อนปากมูล อ้างร่วมต่อสู้!! สมัชชาคนจน สวนย้อนสอบข้อมูลก่อน!! ลั่น..ไม่ฝักใฝ่การเมือง

 

1.สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ซึ่งเป็นผู้ได้รับผลกระทบจากการสร้างเขื่อนปากมูล พวกเราเรียกร้องความเป็นธรรมมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร โดยมีเป้าหมายคือการแก้ไขปัญหาปากท้องของชาวบ้าน อย่างชัดเจน

 

2.สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล มีจุดยืนชัดเจนว่า พวกเราไม่ฝักใฝ่การเมือง ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล พวกเราก็ไม่เคยยอมจำนนท์ พวกเราผลักดันเรียกร้องตลอด ตราบใดที่ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ในขณะที่พวกเราก็ดำรงสถานะการรักษาระยะห่างกับพรรคการเมือง มาอย่างต่อเนื่อง

 

3.พวกเรายืนยันว่า ในบรรยากาศที่มีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และประเทศเป็นประชาธิปไตย การผลักดันการแก้ไขปัญหาสามารถทำได้ดีอย่างมีประสิทธิภาพ และการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนมีความคืบหน้ามากกว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร

 

4.พวกเราได้ติดตามการเคลื่อนไหวของพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งเป็นไปอย่างน่าชื่นชม และน่าจะเป็นความหวังที่จะเติบโตเพื่อทำหน้าที่พัฒนาประเทศไทยได้ดีในอนาคต หากแต่บุคคลกรของพรรคอนาคตใหม่ ควรจะต้องระมัดระวังการขับเคลื่อน ตรวจสอบข้อมูลให้ดี ซึ่งจากกรณีเหตุการณ์ในวันที่ 2 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมา ย่อมเป็นประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการนำไปปรับปรุงพัฒนาการขับเคลื่อนได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

5.สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล ไม่คิดจะตอบโต้ใดๆ ในทางการเมือง เพราะพวกเราไม่ใช่นักการเมือง ภารกิจที่สำคัญของพวกเราที่จะต้องเดินหน้าในขณะนี้ คือ การผลักดันข้อตกลงที่ได้ตกลงไว้กับรัฐบาล ให้เป็นรูปธรรม

5.1 การเรียกร้องให้รัฐบาลจ่ายค่าเยียวยาความเสียหายจากการเขื่อนปากมูล ครอบครัวละ 310,000 บาท

5.2 การผลักดันให้มีการทดลองเปิดประตูเขื่อนปากมูล 5 ปี

 

6.ขณะนี้ระดับน้ำที่สถานีวัดน้ำห้วยสะคาม ซึ่งมีระดับเกิน 95 ม.รทก. มาตั้งแต่วันที่ 28 มิถุนายน 2561 จนถึงปัจจุบัน ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ที่ การไฟฟ้าฯ และ จังหวัดอุบลราชธานี จะต้องทำการเปิดประตูเขื่อนปากมูล เพื่อให้ปลาจากแม่น้ำโขงสามารถเดินทางข้ามเขื่อนปากมูล เข้ามาสู่แม่น้ำมูนได้ 

 

ในวันพรุ่งนี้ (4 กรกฎาคม 2561) เวลา 11.00 น. พวกเราจะเดินทางไปพบผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อเรียกร้องให้เร่งเปิดประตูเขื่อนปากมูล โดยเร็ว

สมัชชาคนจน กรณีเขื่อนปากมูล หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกภาคส่วนในสังคมไทย จะเข้าใจบทบาท และการเคลื่อนไหวของพวกเรา

เชื่อมั่นในพลังประชาชน