ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 ก.ค. ขณะที่ พ.ต.ท.ศุภศักดิ์ โปรียานนท์ รอง ผกก.(ป.) สน.บางยี่ขัน กำลังปฏิบัติหน้าที่ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตถูกยิงตายและผู้ก่อเหตุยังอยู่ในบ้านเลขที่ 68/14 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 34 แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วรุดไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. พล.ต.ต.ฤชากร จรเจวุฒิ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.บุญญฤทธิ์ รอดมา ผบก.น.7 เจ้าหน้าที่หน่วยอรินทราช 26 จำนวน 20 นาย กองพิสูจน์หลักฐาน และแพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช

ที่เกิดเหตุเป็นทาวน์โฮมแฝด สูง 4 ชั้น ปลูกติดกันในรั้วรอบขอบชิด โดยชั้นล่างทำเป็นห้องสำนักงาน ส่วนชั้นที่ 2 -4 แบ่งเป็นห้องชุดให้เช่าพักอาศัย รวมทั้งสิ้น 6 ห้อง จากการตรวจสอบให้ห้องสำนักงานชั้นล่างพบศพ น.ส.สิริพร โภชนดา อายุ 64 ปี ผู้ดูแลหอพัก ในสภาพสวมเสื้อเเขนสั้นลายดอกสีฟ้า นุ่งกางเกงขายาวสีดำ มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด เข้าที่หัวคิ้วซ้าย 1 นัด กระสุนทะลุท้ายทอย นั่งหงายหน้าอยู่บนเก้าอี้มีพนักพิงตรงโต๊ะทำงาน เลือดไหลรินเลอะพื้นภายในห้อง

ส่วนผู้ก่อเหตุทราบชื่อคือ นายปิยวัฒน์ เมษศิริฤกษ์ อายุ 56 ปี เป็นผู้เช่าห้องพักบนชั้นที่ 3 หลังลั่นไกได้วิ่งหนีขึ้นบันไดไปขังตัวเองอยู่ในห้องพัก พร้อมประกาศว่าหากใครตามขึ้นไปจะยิงใส่ให้ตายทั้งหมด เบื้องต้น พล.ต.ท.ชาญเทพ จึงสั่งการให้สายตรวจท้องที่เร่งกันชาวบ้านละเเวกใกล้เคียง สื่อมวลชน และบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากรัศมีที่เกิดเหตุ จำนวน 500 เมตร ก่อนเปิดทางให้ชุดอรินทราช 26 เข้าในพื้นที่ชั้นล่างของตัวบ้านเพื่อวางแผนปฏิบัติการจากมาตรการสถานเบาไปหาหนักต่อไป

ต่อมาเมื่อเวลา 12.30 น. น.ส.สิริวรรณ โภชนดา อายุ 62 ปี น้องสาวผู้ตาย ได้เดินทางมาถึงจุดเกิดเหตุ ให้การว่า ตนพักอยู่ย่านสายไหมพอทราบข่าวจึงรีบมาดูศพพี่สาวแต่เจ้าหน้าที่ยังไม่ให้เข้าไปด้านใน เนื่องจากเกรงว่า จะไม่ปลอดภัย สำหรับ น.ส.สิริวรรณ นั้น ไม่มีครอบครัว ทำงานเป็นผู้ดูแลหอพักและอาศัยอยู่ที่นี่ ก่อนเกิดเหตุเชื่อว่า ผู้ตายน่าจะมีปากเสียงกับ นายปิยวัฒน์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน เนื่องจาก นายปิยวัฒน์ เช่าห้องพักแห่งนี้อยู่มานานกว่า 5 ปี ส่วนสาเหตุมาจากเรื่องที่พี่สาวตนมักออกปากเตือน นายปิยวัฒน์ เรื่องชอบขับขี่ รถ จยย.เสียงดังกลับมายามค่ำคืน และเรื่องความสะอาดบริเวณหน้าห้องพัก จึงอาจมีปากเสียงกันและเกิดเหตุการณ์สลดขึ้นดังกล่าว

ต่อมาเมื่อเวลา 14.00 น.วันเดียวกันขณะที่สถานการณ์กำลังคุกรุ่น โดย พล.ต.ท.ชาญเวช เสสะเวช ผบช.น.ได้พยายามเข้าเกลี้ยกล่อม นายปิยวัฒน์ ผู้ก่อเหตุให้วางปืนและเปิดประตูห้องพักออกมามอบตัวผ่านทางการพูดคุยเจรจาเนื่องจาก นายปิยวัฒน์ ปิดโทรศัพท์มือถือไม่ยอมติดต่อสื่อสารกับผู้ใดนั้นปรากฏว่ามีเสียงปืนดังสวนออกมาจากห้องพัก นายปิยวัฒน์ จำนวน 1 นัด จนเจ้าหน้าที่ต้องพากันล่าถอยออกมา โดยทิ้งกำลังเจ้าหน้าที่ชุดอรินทราช 26 ซึ่งเตรียมความพร้อม 100% เอาไว้ จากนั้นในอีก 30 นาทีต่อมาก็มีเสียงสตั๊นบอมบ์ดังขึ้น 1 ลูก ตามด้วยเสียงกระสุนปืนอีก 7 นัด คาดว่าชุดปฏิบัติการพิเศษคงตัดสินใจเข้าชาร์จตัวนายปิยวัฒน์ แต่ยังไม่มีรายงานความสูญเสียหรือผลการปฏิบัติแต่อย่างใด ต้องรอคำแถลงอย่างเป็นทางการอีกครั้งของ ผบช.น.ท่ามกลางการลุ้นอย่างใจจดใจจ่อของญาติๆ สื่อมวลชน และชาวบ้านนับร้อยชีวิตที่มาเฝ้าติดตามสถานการณ์

จากการสอบถามชาวบ้านในละเเวกเดียวกันนี้ทราบว่า นายปิยวัฒน์ นั้นมาเช่าห้องพักอยู่ลำพังเป็นเวลานานหลายปีแล้ว ปกติเป็นคนไม่ค่อยสุงสิงกับใครและไม่มีอาชีพทำงานเป็นหลักแหล่ง  ยามดึกๆ ดื่นๆ มักชอบขี่ รถ จยย.ออกจากหอพักไปซื้อเหล้าเบียร์มาดื่มลำพัง ส่วนเรื่องอาวุธปืนนั้นมีชาวบ้าน 1 คน ที่เคยดื่มเหล้ากับนายปิยวัฒน์ และเคยเข้าไปในห้องพักให้ข้อมูลว่า นายปิยวัฒน์ มีอาวุธปืนลูกซองยาว 1 กระบอก และอาวุธปืนสั้นไม่ทราบขนาดอีก อย่างต่ำ 2 กระบอก ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสืบค้นประวัติของ นายปิยวัฒน์ อย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อยินยันสถานะและเสาะหาว่ามีคดีติดตัวบ้างหรือไม่