- 07 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
คำสอนพุทธทาสภิกขุ น้อมรำลึก วันละสังขาร ๘ กรกฎาคม ๒๕๓๖
บุญมี ๒ ชนิด คือว่าอาศัยความรู้สติปัญญาที่ถูกต้องชนิดหนึ่ง อาศัยความไม่รู้ เพียงแต่ศรัทธาหรือมิจฉาทิฏฐิก็ได้ ขอให้เข้าใจว่า คำว่ามิจฉาทิฏฐินี้ใช้ได้แม้แต่ในทางที่เป็นบุญ เพราะเขามีมิจฉาทิฏฐิ ยึดมั่นบุญในรูปแบบของสีลัพพตปรามาสอย่างนี้ก็มีอยู่มาก ไม่ใช่เป็นบุญที่สะอาด ไม่ใช่เป็นบุญที่จะทำลายล้างบาป หรือล้างมิจฉาทิฏฐิได้...
พุทธทาสภิกขุ
พุทธทาสภิกขุ
พุทธทาสภิกขุ
เดี๋ยวนี้ในโลกนี้มันก็ยังมีอยู่มาก ที่เรียกว่าคนบ้าบุญ บ้าบุญนั้นมันต้องเป็นมิจฉาทิฏฐิแน่นอน แม้ว่าจะไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิที่เลวร้ายมากมายอะไรนัก มันก็ต้องเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ดี
พุทธทาสภิกขุ
นี่เราจะสังเกตในข้อนี้กันให้มาก ว่าเรากำลังเมาบุญหรือเปล่า หรือว่าบางทีจะใช้คำอื่นว่า เราอิ่มด้วยบุญหรือเปล่า...ถ้าอิ่มด้วยบุญมันก็กำกวมเหมือนกัน มันอาจจะอิ่มด้วยความเข้าใจผิด เช่นเดียวกันอีกก็ได้ แต่ถ้าว่ามันรู้ว่าบุญยังไม่ใช่ที่สุดจบของความทุกข์หรือการปรุงแต่ง มันก็อาจจะเบื่อบุญได้เหมือนกัน
พุทธทาสภิกขุ
พุทธทาสภิกขุ
บุญนั่นแหละตัวการปรุงแต่ง บุญปรุงแต่งให้เวียนว่ายตายเกิดดี และบุญเป็นที่ตั้งแห่งความยึดถือ ชอบใจของสัตว์ จึงมีคำกล่าวว่า บุญ นั้นก็เป็น อุปธิ โอปธิกัง ปุญญัง บุญนั้นเนื่องด้วยอุปธิ เป็นไปโดยอุปธิ คืออุปาทาน ยึดมั่นถือมั่น เอามายึดถือไว้จนกลายเป็นของหนัก อะไรที่เอามายึดถือไว้ด้วย อุปาทานจนกลายมาเป็นของหนัก ก็เรียกว่าอุปธิ คือบุญนี้ก็เป็นอุปธิอย่างหนึ่งด้วยเหมือนกัน เพราะฉะนั้น คนจึงแบกบุญ บ้าบุญ ถือบุญ ในลักษณะที่เป็นอุปธิ อย่างนี้ไม่เรียกว่า กุศล
พุทธทาสภิกขุ
พุทธทาสภิกขุ
ขอขอบคุณท่านเจ้าของภาพ เจ้าของบทความ และที่มาเนื้อหาข้อมูล
ปกิณณกธรรมบรรยาย ครั้งที่ 3 เรื่อง บุญแท้เมื่อหมดความรู้สึกอยากมีบุญ
ปี พ.ศ. 2525 #จดหมายเหตุพุทธทาส
เพจ พุทธทาส






