- 15 ก.ค. 2561
ติดตามข่าวสารได้ที่ www.tnews.co.th
ประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา เตือนภัยเรื่อง "ฝนตกหนักบริเวณประเทศไทย และคลื่นลมแรง (มีผลกระทบตั้งแต่วันที่ 15-19 กรกฎาคม 2561)" ฉบับที่ 16 ลงวันที่ 15 กรกฎาคม 2561 ในช่วงวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2561 คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2-3 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่ง สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งภาคตะวันออกและภาคใต้ฝั่งตะวันตก ระวังอันตรายจากคลื่นลมแรงที่พัดเข้าหาฝั่งไว้ด้วย
สำหรับประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลากไว้ด้วย ทั้งนี้เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ภาคเหนือตอนบน และประเทศลาว เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณ อ่าวตังเกี๋ย ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้และอ่าวไทยมีกำลังแรง
ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทย มีฝนตกชุกหนาแน่น กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนยังคงมีกำลังแรง จึงขอให้ประชาชนติดตามประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด และสามารถติดตามข้อมูลที่เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th หรือ สายด่วนพยากรณ์อากาศ 1182 ได้ตลอด 24 ชั่วโมงประกาศ ณ วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.
โดยล่าสุดนาย นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ยังเปิดเผยด้วยว่า จากการตรวจสอบสภาพอากาศกับ กรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า ในช่วงวันที่ 15-19 กรกฎาคม 2561 อิทธิพลจากร่องมรสุมพาดผ่านประเทศเมียนมา ตอนบนของประเทศไทย และประเทศลาว อีกทั้งมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทยมีกำลังแรง ส่งผลให้ทุกภาคมีฝนตกชุกหนาแน่นและตกหนัก อาจส่งผลให้พื้นที่ที่มีปริมาณฝนสะสมสูง เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงมีคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 28 จังหวัด แยกเป็น ภาคเหนือ 6 จังหวัด ได้แก่ น่าน ตาก พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ และนครสวรรค์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ สกลนคร อุดรธานี กาฬสินธุ์ มุกดาหาร นครพนม ยโสธร ร้อยเอ็ด และมหาสารคาม ภาคกลาง 5 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี สระแก้ว ปราจีนบุรี จันทบุรี และตราด ภาคใต้ 9 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร สุราษฎร์ธานี พัทลุง ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัย จัดเตรียม ชุดเคลื่อนที่เร็วและเครื่องมืออุปกรณ์ให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที
อีกทั้งได้กำชับให้ประสานหน่วยงานเจ้าท่า ประมง และตำรวจน้ำออกลาดตระเวนแจ้งเตือนการเดินเรือทุกประเภท ทั้งเรือเล็ก เรือประมง เรือท่องเที่ยว เรือข้ามฟาก และเรือเฟอร์รี่ ให้เดินเรือด้วยความระมัดระวังและงดการเดินเรือหากทะเลมี คลื่นสูงและกำลังแรง
รวมถึงเน้นย้ำให้มีการตรวจสภาพความพร้อมและความปลอดภัยก่อนออกเรือทุกครั้ง ทั้งความพร้อมของพนักงานขับเรือและพนักงานประจำเรือ และตรวจสอบให้มีอุปกรณ์ชูชีพประจำเรืออย่างเพียงพอ สำหรับประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยฝนตกหนัก ขอให้ติดตามพยากรณ์อากาศและประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามคำเตือนอย่างเคร่งครัด ส่วนชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้
ทั้งนี้สามารถติดต่อแจ้งเหตุและติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด สำนักงานป้องกันและบรรเทา สาธารณภัยจังหวัดสาขาในพื้นที่ หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง