เปิดตำนาน "หอปราบโจร" เมืองสุพรรณบุรี ถิ่นแดนโจร !!! เป็นสถานที่เดียว ที่ไม่เคยถูกปล้น ขนาดเสือดำ กับ เสือมเหศวร ยังเล่าว่า "ไม่กล้าปล้น"

เปิดตำนาน "หอปราบโจร" เมืองสุพรรณบุรี ถิ่นแดนโจร !!! เป็นสถานที่เดียว ที่ไม่เคยถูกปล้น ขนาดเสือดำ กับ เสือมเหศวร ยังเล่าว่า "ไม่กล้าปล้น"

หอปราบโจร นับเป็นสถานที่บันทึกประวัติศาสตร์ชุมชนแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ บ้านโบราณชื่อแปลกนี้ ได้บอกเล่าความเป็นมาของชุมชนที่ได้ชื่อตามบ้าน ซึ่งเริ่มมาแต่ในรัชกาลที่ ๓ ส่วน “หอปราบโจร” ก็ยืนยันความเป็นแดนดาวโจรของสุพรรณบุรีในอดีต แต่เมื่อมีคนคิดสู้ ไอ้เสือขนาดขุนโจรก็ยังขยาดไม่กล้ามาระราน รู้ดีว่าขืนไปก็ตายเปล่า และได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในปัจจุบัน

เปิดตำนาน "หอปราบโจร" เมืองสุพรรณบุรี ถิ่นแดนโจร !!! เป็นสถานที่เดียว ที่ไม่เคยถูกปล้น ขนาดเสือดำ กับ เสือมเหศวร ยังเล่าว่า "ไม่กล้าปล้น"

ตลาดเก้าห้อง เป็นตลาดชุมทางส่งสินค้าในสมัยที่ยังไม่มีถนนเชื่อมกับกรุงเทพฯ การคมนาคมต้องใช้ทางน้ำ มีเรือเมล์ ๒ ชั้นซึ่งเรียกว่า “เรือเมล์แดง” ของบริษัทสุพรรณขนส่ง ออกจากตลาดเก้าห้องประมาณบ่ายโมง ไปถึงตลาดท่าเตียนในตอนเช้า ส่วนเรือด่วนจะออกจากตลาดเก้าห้องประมาณตี ๕ ไปถึงงิ้วรายราวบ่าย เพื่อให้ผู้โดยสารต่อรถไฟไปถึงสถานีบางกอกน้อย

ผู้สร้างตลาดเก้าห้องคือ นายบุญรอด เหลียงพานิช ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “เจ๊กรอด” เป็นชาวจีนอพยพไปจากกรุงเทพฯในสมัยต้นรัชกาลที่ ๕ ได้สมรสกับหลานสาวของขุนกำแหงฤาชัย ที่ชื่อ แพ เมื่อปี ๒๔๒๔ จากนั้นก็สร้างแพขึ้นหลังหนึ่งจอดที่หน้าบ้านขุนกำแหงฯ เปิดเป็นร้านขายของชำสารพัด รวมทั้งเครื่องมือทำนาและสังฆภัณฑ์ จนร่ำรวยเป็นที่เลื่องลือ

เปิดตำนาน "หอปราบโจร" เมืองสุพรรณบุรี ถิ่นแดนโจร !!! เป็นสถานที่เดียว ที่ไม่เคยถูกปล้น ขนาดเสือดำ กับ เสือมเหศวร ยังเล่าว่า "ไม่กล้าปล้น"

สุพรรณบุรีในยุคนั้นถือว่าเป็นแดนดาวโจร มีไอ้เสือปล้นอยู่หลายกลุ่ม ต่อมาในปี ๒๔๖๗ โจรก็เข้าปล้นแพนายบุญรอดและฆ่าภรรยาตาย นายบุญรอดจึงย้ายขึ้นบกมาสร้างตลาดที่ฝั่งตรงข้าม กิจการของนายบุญรอดเจริญก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ มีคนมาร่วมเปิดร้านค้าขายในตลาดอีกหลายร้าน จนตลาดเก้าห้องกลายเป็นศูนย์รวบรวมสินค้าของย่าน ส่งลงเรือเมล์แดงเข้ากรุงเทพฯ

ด้วยประสบการณ์ที่เคยถูกโจรปล้นบ้านฆ่าเมียมาแล้ว ในปี ๒๔๗๗ นายบุญรอดจึงสร้างหอคอยสี่เหลี่ยมสูงราวตึก ๔ ชั้นขึ้น มีความกว้าง ๓ คูณ ๓ เมตร และยังมีดาดฟ้าขึ้นไปอีก ๒ ชั้น มองเห็นบริเวณโดยรอบทั้งทางบกและทางน้ำ นับเป็นหอคอยที่แข็งแรงมาก ขนาดบานประตูเข้าซึ่งมีอยู่บานเดียว ยังหล่อด้วยคอนกรีตหนาถึง ๓ นิ้ว

สิ่งพิเศษของหอคอยนี้ก็คือ ทุกชั้นไม่มีหน้าต่าง แต่เจาะรูกลมๆไว้โดยรอบ ความกว้างของรูภายนอก ๓ นิ้ว แต่ด้านในคว้านให้กว้างขึ้น สำหรับเป็นที่ส่องปืนออกมา ซึ่งนายบุญรอดสร้างขึ้นสำหรับใช้เป็นป้อมคุ้มครองครองตลาดจากโจรโดยเฉพาะ ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ป้อมปราบโจร” ซึ่งทำให้ป้อมนี้เป็นที่ขยาดของไอ้เสือปล้นในยุคนั้นกันมาก จนไม่มีใครกล้ามาปล้นตลาดเก้าห้องกันเลย

เปิดตำนาน "หอปราบโจร" เมืองสุพรรณบุรี ถิ่นแดนโจร !!! เป็นสถานที่เดียว ที่ไม่เคยถูกปล้น ขนาดเสือดำ กับ เสือมเหศวร ยังเล่าว่า "ไม่กล้าปล้น"

ครั้งหนึ่ง เสือมเหศวร ขุนโจรชื่อดังที่เพิ่งเสียชีวิตเมื่อปี ๒๕๕๗ ในวัย ๑๐๐ ปี ได้เคยเล่าไว้ว่า ครั้งหนึ่งอยากจะลองดีกับป้อมปราบโจรเหมือนกัน จึงไปชวน เสือดำ เพื่อคู่หู ซึ่งปัจจุบันก็คือ “หลวงพ่อทวีศักดิ์” หรือ พระครูสุนทรธรรมวิมล เจ้าอาวาสวัดศรีนวล เขตหนองแขม ไปปล้นตลาดเก้าห้องด้วยกัน แต่เสือดำขยาดป้อมนี้ บอกว่าไปก็ตายเปล่า จึงไม่ขอรวม เมื่อหาเพื่อนร่วมไม่ได้เสือมเหศวรจึงต้องเลิกล้มความตั้งใจที่จะไปลองดีกับป้อมปราบโจร เพราะการปล้นตลาดเป็นงานใหญ่ ไม่อาจทำกลุ่มเดียวได้ ตลาดเก้าห้องจึงร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีไอ้เสือคนใดกล้าท้าทายป้อมปราบโจร

เปิดตำนาน "หอปราบโจร" เมืองสุพรรณบุรี ถิ่นแดนโจร !!! เป็นสถานที่เดียว ที่ไม่เคยถูกปล้น ขนาดเสือดำ กับ เสือมเหศวร ยังเล่าว่า "ไม่กล้าปล้น"

อ้างอิงข้อมูลจาก - Facebook ตำนานอาถรรพ์ อาชญากรโลกไม่ลืม ฆาตกรรมบันลือโลก