- 23 ก.ค. 2561
ที่ผ่านผลงานและความทุ่มเทของพล.อ.ประยุทธ์และคณะรัฐบาลจะเข้าตาประชาชนมากน้อยเพียงใด คงวัดได้ จากความนิยมและเสียงสะท้อน
ยังครองความนิยมจากประชาชนได้อย่างเหนียวแน่น สำหรับ”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจาก”นิด้าโพล” ได้เผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชน เรื่อง “ประชาชนอยากได้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไป ตามกฎหมายการเลือกตั้งปัจจุบัน (ครั้งที่ 3)” โดยทำการสำรวจระหว่างวันที่ 17 – 19 กรกฎาคม 2561 ซึ่งผลปรากฏว่า
อันดับ 1 ร้อยละ 31.26 ระบุว่าเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รองลงมา
อันดับ 2 ร้อยละ 14.96 ระบุว่าเป็น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ (พรรคเพื่อไทย)
อันดับ 3 ร้อยละ 10.50 ระบุว่าเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์)
อันดับ 4 ร้อยละ 7.80 ระบุว่าเป็น พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส (หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย)
อันดับ 5 ร้อยละ 7.48 ระบุว่าเป็น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ (พรรคอนาคตใหม่
หากย้อนไปดูผลสำผลในครั้งที่ 1 และ ครั้งที่2 พบว่า ตกลงจาเกิดน้อยเพียงเล็กน้อย จาก ร้อยละ 38.64 และ ร้อยละ 32.24 ตามลำดับ แต่นั้นก็ไม่ใช่สาเหตุที่จะอ้างว่าควานิยมของพล.อ.ประยุทธ์ จะลดน้อยลง เมื่อไปพิจารณาความนิยมของรายอื่นๆ อาทิ
คุณหญิงสุดารัตน์ ในครั้งที่1 ได้รับความนิยม ร้อยละ13.04 และครั้งที่2 ได้ถึงร้อยละ 17.4
หรือแม้แต่นายอภิสิทธิ์ ที่ในครั้งที่1 ได้รับความนิยม ร้อยละ12.24 และครั้งที่2 ได้ถึงร้อยละ 14.24
เมื่อเทียบเคียงกันทั้ง2 คนก็ตกลงมาไม่ต่างกัน แต่หากจะตั้งคำถามว่า ทำไม”บิ๊กตู่”ถึงยังครองแชมป์ความนิยมจากประชาชนคนไทย ได้ถึง3ครั้งติดนั้น
คงจะเป็นเพราะ ความจริงใจที่เดินหน้าแก้ไขปัญหาปากท้องประชาชน ปฏิรูปวงการสงฆ์ ถวายคืนพระราชอำนาจ พระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งมหาเถรสมาคม ชำระล้างกลุ่มมาเฟียในคราบผ้าเหลือง ที่ไม่ว่ารัฐบาลไหนก็ไม่กล้าทำมาก่อน!!
และสร้างความเชื่อมั่นในประเทศไทยต่อสายตานาๆชาติ ที่ผลงานเป็นที่ประจักษ์ อาทิ การลุยงานแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จนทำให้รัฐบาลสหรัฐอเมริกา ประกาศได้ยกระดับการแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ จาก”เทียร์ 2 ที่ต้องเฝ้ามอง” เป็น”เทียร์ 2” โดยนายกรัฐมนตรีถือว่าเป็นข่าวดีที่สุด และประกาศว่าจะเดินหน้าต่อไป เพื่อขจัดการค้ามนุษย์ให้หมดไป หรือเมื่อเร็วๆนี้ องค์การทรัพย์สินทางปัญญาแห่งโลก หรือ WIPO ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์การเฉพาะทางของสหประชาชาติ ได้ประกาศผลการจัดอันดับดัชนีชี้วัดความสามารถทางนวัตกรรม Global Innovation Index (GII) ประจำปี 2561 โดยในปีนี้ประเทศไทยไทยได้รับการจัดอันดับที่ 44 ของโลก จากทั้งหมด 126 ประเทศ ขยับอันดับดีขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากปีที่แล้ว 7 อันดับจาก อันดับที่ 51 อันดับ และยังเป็นการเลื่อนอันดับดีขึ้นต่อเนื่องกันเป็นปีที่ 4 นับจากปี 2558–2561 และอยู่ในอันดับที่ 5 ของโลกในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางที่มีการพัฒนาความสามารถทางนวัตกรรมที่ดีที่สุด รองจาก จีน มาเลเซีย บัลแกเรีย และโครเอเชีย
ที่ผ่านผลงานและความทุ่มเทของพล.อ.ประยุทธ์และคณะรัฐบาลจะเข้าตาประชาชนมากน้อยเพียงใด คงวัดได้ จากความนิยมและเสียงสะท้อน