"ยะใส" ชำแหละ "ทักษิณ"สงครามของใคร เพื่อใคร? 10 ปีที่ผ่านมา ทำคนไทยหูตาสว่างมากขึ้น

ถ้าดูปรากฏการณ์ทางการเมืองและภาพที่เกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านการขยับเคลื่อของ “ทักษิณ ชินวัตร” และอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย ในช่วงที่ผ่านมามีสัญญาณน่าสนใจว่า สถานะของพรรคเพื่อไทย  โดยนายทักษิณประกาศชูธงรบเป็นที่เรียบร้อย พร้อมลั่นสงครามยังไม่จบ จะแพ้มีแค่ 2 ทาง คือตายกับยอม 

 

“อยากบอกทุกคนว่าถ้าเราไม่ยอมแพ้ คำว่าแพ้มีได้ 2 กรณี คือ 1.แพ้เพราะตาย กับ 2.แพ้เพราะยอมไปเอง ถ้าเรายังสู้อยู่เราก็จะไม่แพ้ นั่นก็คือ มีแต่แบทเทิล ไม่มีวอร์ วอร์มันจะเอนด์ต่อเมื่อทุกอย่างมันจบ แต่สู้กันกี่ยกๆ นี่คือแบทเทิล ซึ่งวอร์ยังไม่จบ เรายังต้องทำต่อไป”

ล่าสุดทางด้านนายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต  ได้โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นต่อกรณีดังกล่าว ในหัวข้อ “สงครามของทักษิณ...สงครามของใคร เพื่อใคร?” โดยทั้งหมด

 

 

กรณีที่นายทักษิณ ชินวัตรโดยประกาศต่อแฟนคลับและผู้สนับสนุนว่าจะทำสงครามเพื่อประชาธิปไตยจะกอบกู้ศักดิ์ศรีและเกียรติยศ นั้นย่อมสะท้อนชัดเจนว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึงถ้ายุทธศาสตร์ของคุณทักษิณยังเป็นยุทธศาสตร์เดิมคือการแก้แค้นไม่ใช่แก้ไข นั่นหมายความว่าคุณทักษิณก็ต้อง ทุ่มเททรัพยากรทุกอย่างผ่านพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ได้ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า

 

ประเด็นที่ต้องพิจารณาก็คือการแสดงตนเป็นผู้มีอำนาจในพรรคการเมืองของคุณทักษิณขัดต่อบทบัญญัติของ พรป.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พศ.2560 มาตรา 28-29 หรือไม่ ที่ห้ามคนที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคยุ่งเกี่ยวกับกิจการของพรรค ประกอบกับที่แกนนำ นปช. บางคนก็ออกมายอมรับว่าพรรคเพื่อไทยขาดนายทักษิณไม่ได้นั้น ก็เท่ากับเป็นการสารภาพชัดเจนหรือไม่ว่านายทักษิณยังเป็นผู้มีอำนาจเหนือพรรคเพื่อไทย ซึ่งต้องถามว่าคำร้องที่มีผู้ร้องไว้ที่ กกต.ได้ตรวจสอบ ไปถึงไหน อย่างไร ดูเหมือนเรื่องเงียบหายไป

อีกประเด็นที่ควรพิจารณาคือยุทธศาสตร์ของคุณทักษิณเช่นนี้จะส่งผลต่อการเมืองหลังการเลือกตั้งอย่างไรนั้น ถ้าถอดรหัสคำพูดของคุณทักษิณก็ตอกย้ำชัดเจนอยู่แล้วว่าการเลือกตั้งที่จะมาถึง ก็จะยังอยู่ในวังวนของเกมส์ชิงอำนาจและผลประโยชน์สงครามเพื่อประชาธิปไตยก็ไม่รู้ ประชาธิปไตยที่คุณทักษิณพูดหมายถึงอะไร เพราะในช่วงที่คุณทักษิณเรืองอำนาจก็เต็มไปด้วยปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น การฆ่าตัดตอน การละเมิดสิทธิชนและความแตกแยกในสังคมเป็นต้น

 

สงครามที่คุณทักษิณพูดจึงน่าจะเป็นสงครามเพื่อผลประโยชน์ที่แลกมาด้วยชีวิตและความแตกแยกของผู้คนในสังคม

 

ต้องจับตาอย่างใกล้ชิดเพราะคุณทักษิณรู้ดีว่า ถ้าการเลือกตั้งครั้งหน้าเป็นวาระเพื่อการปฏิรูปประเทศ ช่วยกันหาทางออกให้ประเทศวันนั้นคุณทักษิณก็เกรงว่าตัวเองจะถูกลืมหรือถูกเขี่ยออกจากสมการทางการเมือง การประกาศครั้งนี้ก็เพื่อให้ตัวเองยังมีความสำคัญและอยู่ในสมการ อำนาจและผลประโยชน์

 

หรือพูดง่ายๆ ให้ประเด็น “เอาหรือไม่เอาทักษิณ” เป็นวาระในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้ ซึ่งสมการการเมืองแบบนี้ ไม่ได้ทำให้บ้านเมืองดีขึ้นมีแต่จะจมปรักอยู่กับความขัดแย้งแตกแยกไม่มีที่สิ้นสุด

 

อย่างไรก็ตามการ พยายามวางเป้าหมายทางการเมืองแบบนี้ของคุณทักษิณไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ยังเป็นจุดมุ่งหมายดั้งเดิมนับตั้งแต่หนีออกนอกประเทศ ซึ่งก็ได้พยายามผ่านรัฐบาลนอมินีมาแล้ว 3 รัฐบาลแต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้และผลของสงครามของคุณทักษิณ ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยก็หูตาสว่างมากขึ้นหรือแม้แต่คนที่เคยเชียร์คุณทักษิณเองก็เริ่มเห็นความจริงและสรุปบทเรียนกันมากขึ้น