ฤานี่คือใบเสร็จว่า"แดงติดอาวุธ"! เมื่อศาลชี้ กระสุนที่"ไสว-เหยื่อสลายม็อบ52" โดนไม่ใช่ของทหาร คำถามคือแล้วใครยิงไสว-ยิงทำไม?

ฤานี่คือใบเสร็จว่า"แดงติดอาวุธ"! เมื่อศาลชี้ กระสุนที่"ไสว-เหยื่อสลายม็อบ52" โดนไม่ใช่ของทหาร คำถามคือแล้วใครยิงไสว-ยิงทำไม?

ฤานี่คือใบเสร็จว่า"แดงติดอาวุธ"! เมื่อศาลชี้ กระสุนที่"ไสว-เหยื่อสลายม็อบ52" โดนไม่ใช่ของทหาร คำถามคือแล้วใครยิงไสว-ยิงทำไม?

 

วานนี้มีข่าวการเมืองสีเสื้อเล็ก ๆ แต่ใหญ่ในเนื้อหา และข้อเท็จจริงอยู่ชิ้น นั่นคือข่าวที่ "นายไสว ทองอ้ม" เสื้อแดงสุรินทร์ และเป็นเหยื่อกระสุนในเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่สี่แยกดินแดงเมื่อวันที่ 13 เมษายน 2552 ได้เข้ายื่นหนังสือต่อ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" เพื่อเรียกร้องด้านมนุษยธรรมจากกองทัพ ให้ยุติการบังคับคดี อันนำสู่การยึดทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดินทำกินของเขา หลังเจ้าตัวแพ้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกา เพราะไม่อาจพิสูจน์ได้ว่า ลูกกระสุนปืนที่ยิงเข้าแขนข้างซ้ายของเขานั้น เป็นของเจ้าหน้าที่ทหาร 


 

และผลของแพ้คดีใน 2 ศาลหลังนั้น เป็นผลให้เขาต้องจ่ายค่าธรรมเนียมศาล และค่าทนายความจำเลย ซึ่งก็คืออัยการแทนทางกองทัพ (ซึ่งเป็นจำเลย) เป็นเงิน 212,114 บาท และมีคำสั่งแต่งตั้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการยึดอายัดทรัพย์ของเขา และทำการขายทอดตลาด ตั้งแต่วันที่ 31 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา


เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่ หลัง "นายไสว" ชนะคดีในศาลศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 21 มิ.ย.2554  และสั่งให้จำเลยซึ่งก็คือ "นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองบัญชาการกองทัพไทย และ กองทัพบก ต้องชำระเงินให้กับโจทก์ โดยชำระให้รายละ 1,200,000 บาท และ 1,000,000 บาทตามลำดับ รวมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี

 
ทว่าต่อมา ในชั้นอุทธรณ์ ศาลได้วินิจฉัยยกคำร้องของฝ่ายโจทก์ ซึ่งก็คือนายไสว โดยให้ความเห็นว่า "อาวุธประจำกายของทหารในพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้มีปืนพกสั้นที่ใช้กระสุนความเร็วต่ำขนาด 9 มม.ที่ยิงใส่โจทก์" 

 

 

อีกทั้งเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2559 หรือ 2 ปีที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาคดีนี้อีกครั้ง โดยยืนตามศาลอุทธรณ์ และมีคำสั่งให้โจทก์จ่ายค่าธรรมเนียมศาล และค่าทนายความจำเลยเป็นเงินกว่า 2 แสนบาทอย่างที่กล่าวข้างต้น...และนั่นเองเป็นเหตุให้ "นายไสว" และเสื้อแดงปีกต่าง ๆ ทั้ง "นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข" จากกลุ่ม 24 มิถุนาเพื่อประชาธิปไตยรวมทั้ง "น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา" หรือ "โบว์" จากกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง อีกทั้งยังมี นักกิจกรรมกลุ่มพลังมด พากันบุกมาที่กระทรวงกลาโหม เพื่อยื่นหนังสือต่อ "พล.อ.ประวิตร" ดังกล่าว


ไม่ว่าจะอย่างไร เรื่องนี้จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้อง ขีดเส้นใต้ 2 เส้นใหญ่ ๆ จากคำพิพากษาของศาลทั้งชั้นอุทธรณ์ และชั้นฎีกาที่ว่า "อาวุธประจำกายของทหารในพื้นที่เกิดเหตุไม่ได้มีปืนพกสั้นที่ใช้กระสุนความเร็วต่ำขนาด 9 มม.ที่ยิงใส่โจทก์" 

 

และเมื่อศาลสูงทั้ง 2 ศาลระบุเช่นนั้น...ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องตั้งบคำถามกลับไปสู่การชุมนุมของเสื้อแดงปี 2552 เช่นกันว่า...ถ้าเช่นนั้น...กระสุนปริศนา 9 ม.ม.ที่พุ่งเข้าใส่แขนซ้ายของไสวนั้น...เป็นของใคร...และใครเป็นผู้ยิง

 

...เป็นไปได้หรือไม่ว่า...นั่นเป็นกระสุนจากพวกเดียวกัน...ที่พลัดหลงไปโดน...ไสว...ดังที่พูด ๆ กัน และหลายคนก็ตั้งข้อสังเกตเช่นนั้นมาตั้งนานแล้ว เพราะการชุมนุมของเสื้อแดงที่สี่แยกดินแดงปี 2552 แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ก็มีความรุนแรงระดับเผารถเมล์ หรือลากรถแก๊สมาจอดขู่ และพร้อมจะจุดเพลิงเผาให้วอดทั้งคันได้ทุกเมื่อนายหลายชั่วโมง กว่าเหตุการณ์จะสงบลง

 

...ขณะชาวบ้านที่พักอาศัยอยู่ในแฟลตดินแดง...อันเปรียบดั่งตัวประกันของเหตุการณ์นี้...ก็ยืนยันตรงกันหลายปากว่า...ได้ยินเสียงปืนสั้น...จากฝั่งเสื้อแดงเป็นระยะ ๆ เรื่องนี้เป็นความจริงเชิงประจักษ์ที่หลายฝ่ายรับรู้ดี


...และใช่หรือไม่ว่า...นั่นเองยังให้เกิดคำถาม...ที่จำเป็นต้องถามว่า...เมื่อมันไม่ใช่กระสุนจากทหาร แล้วกระสุนนั้นเป็นของใคร และยิง...ไสว...ทำไม...และทำไม ส่วนกรณีที่ ไสว เดินทางไปเรียกร้องด้านมนุษยธรรมจากกองทัพ เพื่อให้ยุติการยึดทรัพย์ตน...นั่นก็เป็นเรื่องที่ควรพิจารณา...ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน