ติดตามรายละเอียด www.tnews.co.th

อุทกภัยในประเทศไทย พ.ศ. 2526 เป็นเหตุการณ์น้ำท่วมที่ร้ายแรงครั้งหนึ่งในประเทศไทย เกิดขึ้นในช่วงกลางปีค่อนไปทางปลายปี พ.ศ. 2526

โดยเหตุเกิดเนื่องจากพายุดีเปรสชัน 2 ลูก พัดผ่านเข้ามายังในประเทศไทย คือ เฮอร์เบิร์ตและคิม ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักจนเขื่อนและอ่างเก็บน้ำที่รองรับปริมาณน้ำฝนรับไม่ไหว จนเกิดเป็นน้ำท่วมในหลายพื้นที่ของภาคเหนือ, อีสาน และตะวันออก รวมเป็นหลังคาบ้านเรือนที่พักอาศัยกว่า 5,000 หลัง

จากนั้นประกอบกับการที่น้ำเหนือไหลบ่าและน้ำทะเลหนุน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงกว่าปกติ 2 เมตร ในช่วงปลายเดือนสิงหาคม ทำให้พื้นที่ของกรุงเทพมหานครและปริมณฑลเกิดน้ำท่วม เริ่มจากฝั่งตะวันออกของกรุงเทพมหานคร ก่อนที่จะขยายไปยังส่วนต่าง ๆ ของกรุงเทพมหานครทั่วกัน ถนนรวมทั้งสิ้น 30 สาย เกิดน้ำท่วมขัง รถยนต์ไม่อาจจะสัญจรวิ่งได้ตามปกติ เช่น ถนนรามคำแหง, ถนนสุขุมวิท, ถนนวิภาวดีรังสิต, ถนนเพชรเกษม ประชาชนต้องนำเรือออกมาพายแทน และเฉพาะในพื้นที่ฝั่งธนบุรี พื้นที่เกษตรกรรมหลายแห่ง ก็ได้รับผลกระทบ

พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินทรงตรวจแนวกั้นน้ำตลอดแนวคลองแสนแสบ ทรงมีรับสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดประสานร่วมมือกันหามาตรการที่จะบรรเทาความเดือดร้อน ทั้งการขยายประตูระบายน้ำที่ปทุมธานี หรือการยกแนวคันกั้นน้ำให้สูงขึ้นตลอดคลองแสนแสบ เพิ่มเครื่องสูบน้ำและกระสอบทรายที่คลองบางกะปิ เป็นต้น

จากเหตุน้ำท่วมในครั้งนี้ ทำให้สถานศึกษาหลายแห่งต้องเลื่อนการสอบกลางภาคหรือเลื่อนการเปิดภาคเรียนออกไป โดยมหาวิทยาลัยรามคำแหงและสนามกีฬาหัวหมาก ถือเป็นหนึ่งในสถานที่ ๆ ได้รับผลกระทบมากที่สุด

ในส่วนการช่วยเหลือของรัฐบาล ในเดือนตุลาคม ได้มีการจัดรายการพิเศษทางโทรทัศน์ผ่านทางช่อง 7 เพื่อขอรับเงินบริจาค โดยมีนักร้อง นักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคน ร่วมร้องเพลงและรับโทรศัพท์รับเงินบริจาคด้วยตนเอง เช่น ยอดรัก สลักใจ, พุ่มพวง ดวงจันทร์, สรพงษ์ ชาตรี และธงไชย แมคอินไตย์ เป็นต้น จากนั้นเมื่อเข้าสู่ภาวะปกติ รัฐบาลได้ดำเนินการเสนอลดภาษีประเภทต่าง ๆ ลง รวมทั้งควบคุมราคาสินค้าประเภทอุปโภค บริโภค เป็นต้น

สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม, กันยายน, ตุลาคม จนเข้าสู่เดือนพฤศจิกายน สถานการณ์จึงค่อยดีขึ้นและค่อยเข้าสู่ภาวะปกติ รวมระยะเวลาที่เกิดเหตุทั้งหมด 4 เดือน มีพื้นที่ ๆ ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 42 จังหวัด ผู้เสียชีวิต 49 คน และคิดมูลค่าความเสียหายร่วม 6,000 ล้านบาท

ข้อมูล วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี