"นายกฯ" ยันรัฐฯ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำทุกคนต้องเท่าเทียมภายใต้ กม. และกระบวนยุติธรรมเดียวกัน

"นายกฯ" ยันรัฐฯ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำทุกคนต้องเท่าเทียมภายใต้ กม. และกระบวนยุติธรรมเดียวกัน

 

"นายกฯ" ยันรัฐฯ มุ่งลดความเหลื่อมล้ำ ย้ำทุกคนต้องเท่าเทียมภายใต้ กม. และกระบวนยุติธรรมเดียวกัน
                

 

วันนี้ (13 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธฺการ นำคณะผู้แทนประเทศไทยที่เดินทางกลับจากการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศ ประจำปี 2561 เข้าเยี่ยมคารวะ "พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา" นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า สัปดาห์นี้พบกับกระทรวงศึกษาบ่อยซึ่งตรงกับความตั้งใจของรัฐบาล เพราะเราต้องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้เร็วที่สุดจะช้าแม้วันเดียวไม่ได้  โดยต้องทำให้ครบวงจร ทังนี้ คนที่ได้รางวัลจากต่างประเทศ ทำอย่างไรจะได้เข้าสู่แวดวงราชการ หรือเอกชนเพื่อสร้างเศรษฐกิจรุ่นใหม่ ข้าราชการรุ่นใหม่ ตามแผนยุทธศาสตร์ชาติของรัฐบาล  เพื่อให้มีชีวิตที่มั่นคง ประเทศไทยไม่เคยน้อยหน้ากว่าใคร  ประกวดทุกครั้งได้รางวัลทุกครั้ง และในหลวงรัชกาลปัจจุบันทรงให้ความสำคัญกับการศึกษา ทรงมีรับสั่งใหทุกมหาวิทยาลัยดูแลเยาวชนในต่างจังหวัดด้วย  แต่ทุกอย่างต้องใช้เวลา รัฐบาลจะส่งเสริมไปยังท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น  ระบบการศึกษาไทยมีความหลากหลายอาจจะปรับให้เร็วไม่ทันต่างประเทศ อะไรที่ดีอยู่แล้วก็ทำต่อไปไม่ปรับเปลี่ยน  เช่น โรงเรียนที่ดีที่ทุกคนมีโอกาสได้เรียน ต้องขอบคุณครอบครัวและครู อาจารย์ ขณะนี้นายกฯ มายื่นท่ามกลางหัวกะทิของประเทศ ดังนั้นทุกคนต้องเป็นหัวกะทิในการทำงานวันข้างหน้า ไม่ใช่เป็นแค่หัวกะทะแล้วไปอยู่ไหนก็ไม่รู้ รัฐบาลจะติดตามแล้วขึ้นบัญชีไว้ทั้งหมดเพื่อสนับสนุนในอนาคต ขอให้ทุกคนสบายใจอย่างไรก็มีชื่ออยู่ในบัญชีที่รัฐบาลดูแล
                

 

นายกรัฐมนตรี ระบุด้วยว่า สำหรับพื้นที่ห่างไกลรัฐบาลพยายามลดความเหลื่อมล้ำ เพิ่มโอกาสทางการศึกษาให้มากขึ้น เรื่องการพัฒนาคนเป็นสิ่งที่รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นสิ่งที่มีทั้งวิกฤติและโอกาส ถ้าทำให้คนดีและระบบการศึกษาดี ก็จะมีการพัฒนาด้วยกลไกที่พัฒนาจากของเดิมไปมาก แต่ยอมรับว่ายังไม่สามารถผลิตคนได้ตรงตามเป้าหมายของประเทศเพราะยังมีคนตกงานจำนวนมาก แม้จะมีนิสิตนักศึกษาจบมาจำนวนมากในแต่ละปี แต่คนที่ตรงกับความต้องการของงานมีน้อยมาก ดังนั้น คนเก่งที่ได้รับรางวัลในวันนี้ต้องมองอนาคตว่า จะมุ่งไปสู่จุดอะไร สนใจงานด้านวิจัยพัฒนากันหรือไม่ เราไม่ต้องการคนที่จบการศึกษาแล้วไม่มีงานทำ
                

 

“ถ้ารัฐบาลนี้คิดแต่ว่าจะให้คนชอบนั้นง่ายนิดเดียว  แจกเงินไป ให้อะไรไป แต่ทุกคนก็จะไม่เรียนรู้ นั่นคือปัญหา จึงต้องเพิ่มมาตรการเรียนรู้เข้าไปแม้จะมีมาตรการช่วยเหลือแล้วก็ตาม  แต่ก็ยังไม่พ้นความยากจนหากประชาชนไม่พัฒนาตัวเอง เมื่อเช้าฟังจากโทรทัศน์ เขาบอกว่าคนเราถ้าต้องการให้ทุกอย่างดีขึ้น ก็ต้องเปลี่ยนแปลงตัวเอง ยอมรับในสังคมโลกปัจจุบัน เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเอง ทำให้มีรายได้เพิ่มสูงขึ้น ทุกอย่างก็จะดีขึ้น เว้นแต่จะไม่ทำอะไรเลย รอรัฐบาลให้ความช่วยเหลือ จะทำให้ทั้งประเทศล้มเหลว" ” นายกฯ ระบุ พร้อมกล่าวด้วยว่า 

 

ถ้ารอรัฐบาลช่วยเหลืออย่างเดียวประเทศก็จะล่มสลายเหมือนเวเนซูเอลา แม้จะมีทรัพยากรธรรมชาติจำนวนมากก็ไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศได้ เพราะรอการช่วยเหลืออย่างเดียว ดังนั้น ถ้าหากไทยยังทำอย่างนี้ต่อไป ไม่ว่าจะกลไกการเมืองหรือประชาธิปไตยที่ผ่านมาจะต้องระมัดระวังโดยเฉพาะการใช้จ่ายเงิน มีคนไปฟังมาว่ารัฐบาลไปสร้างหนี้สิน ซึ่งวันนี้รัฐบาลมีหนี้สาธารณะจริงเพียงร้อยละ 41 เท่านั้นเอง ขณะที่กฎหมายให้ได้ถึงร้อยละ 60 ก่อนหน้าที่รัฐบาลนี้เข้ามามีหนี้สาธารณะมากกว่านี้แต่เราก็พยายามลด ทั้งหนี้ในและต่างประเทศ อีกทั้งกองทุนสำรองระหว่างประเทศของไทยก็อยู่ในอันดับต้นๆของโลก  ซึ่งมากกว่าหนี้สาธารณะของไทยทั้งหมด 3.5 เท่า  ทำให้ต่างประเทศมั่นใจเรา


สำหรับสถานะการจ้างงานของไทยในขณะนี้มีคนว่างงานจำนวนไม่มาก อัตราเงินเฟ้อก็ไม่สูงนัก เป็นที่น่าภูมิใจในศักยภาพของไทย  เพราะฉะนั้นความขัดแย้งเกิดขึ้นอีกไม่ได้เพราะไม่ดีกับบ้านเรา ไม่ว่าวันนี้หรือวันหน้า ส่วนอนาคตตนจะอยู่หรือไม่อยู่ก็แล้วแต่  ทั้งหมดอยู่ที่พวกเราทุกคน จึงขอให้มีหลักคิดในการดำเนินชีวิตและขอแนะนำในฐานะที่มีประสบการณ์ในการบริหาร ไม่ได้เก่งว่าครู อาจารย์คนไหน  อย่างตนเองก็ไม่ได้สบายมาตั้งแต่เด็ก ลำบากกันมาทุกคน กว่าจะดีขึ้นกว่าจะมีเงินและใช้จ่ายพอเพียงใช้เวลาเป็นสิบปี  ไม่ใช่เกิดขึ้นภายใน 1-2 ปี หากเป็นเช่นนั้นก็ต้องทุจริตกันมาแน่  ซึ่งเราทำไม่ได้ 


ขอย้ำว่ารัฐบาลนี้กำลังทำเพื่อให้เกิดโอกาสให้เท่าเทียมกันทุกคน โดยใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ทุกคนต้องถือกฎหมายฉบับเดียวกัน ถูกลงโทษถ้าทำความผิด แต่ถ้าเข้ากระบวนการยุติธรรมแล้วยังไม่ได้ถูกตัดสิน ถ้าบอกยังไม่ผิดกก็ต้องต่อสู้กันไปตามกระบวนการยุติธรรม ขอให้ทุกคนไว้วางใจว่าตอนนี้ประเทศไทยกำลังเดินหน้าไปสู่การมีวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคัง ยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แข็งแกร่งไปด้วยกัน
                


“แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ ใครจะมุ่งหมายทำลายไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเป็นประชาธิปไตยอะไรก็ตาม เราจะทำลายแกนหลักของประเทศไม่ได้ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ทุกคนมีหน้าที่ดูแลประชาชน สิ่งสำคัญต้องระมัดระวังเรื่องความมั่นคงของประเทศ ไทยเป็นอาณาจักรเดียวแบ่งแยกไม่ได้ ดังนั้นการคิดอะไรใหม่ต้องคำนึงถึงวัฒนธรรมของไทยที่มีมายาวนาน นอกจากนี้ รัฐบาลไม่ได้หวังเพียงการค้าอย่างเดียว แต่มุ่งหวังส่งเสริมและการท่องเที่ยว เพื่อให้รายได้กลับสู่ประชาชน หลายอย่างเดินหน้าตามโครงสร้างที่รัฐบาลวางไว้ ไม่ใช่รังเกียจใคร เพียงแต่รัฐบาลต้องเป็นรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาล 6 ข้อ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว