ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต

24 ก.ย. 2533 ไฟมฤตยูพัดโหมกระหน่ำ ปรากฏทะเลเพลิงกลางกรุง เสียงกรีดร้องอื้ออึงทะลุโสตไปทั่วอาณาบริเวณ ความโกลาหลเข้าปกคลุมประหนึ่งกลียุค 80 ชีวาดับสูญ กว่า 24 ชีวิตทุกข์ทรมาน

  ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต  

 

    24 ก.ย. 2533 ไฟมฤตยูพัดโหมกระหน่ำ ปรากฏทะเลเพลิงกลางกรุง เสียงกรีดร้องอื้ออึงทะลุโสตไปทั่วอาณาบริเวณ ความโกลาหลเข้าปกคลุมประหนึ่งกลียุค 80 ชีวาดับสูญ กว่า 24 ชีวิตทุกข์ทรมาน ไม่มีฝันร้ายครั้งใดที่จะตราตรึงอยู่ในความทรงจำของคนไทยเทียบเท่าโศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดที่ถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ที่ยังคงตามหลอกหลอนผู้อยู่ในเหตุการณ์ในทุกห้วงภวังค์อย่างไม่มีวันลืมเลือน 

 

    ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ สร้างเมื่อปี 2505 ทำพิธีเปิดโดยเป็นถนนต่อขยายจากถนนเพชรบุรีเดิม เริ่มจากแยกประตูน้ำและสิ้นสุดที่แยกคลองตัน หรือสุขุมวิท 71 เรียกได้ว่าเป็นถนนสายหลักอีกสายที่มีผู้คนสัญจรผ่านไปมาตลอด จวบจนกระทั่ง คืนวันจันทร์ที่ 24 ก.ย. 2533 ควรจะเป็นค่ำคืนปกติที่หลายชีวิตกำลังมุ่งหน้ากลับบ้านไปพบครอบครัวและคนรัก หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจประจำวัน ขณะที่รถจำนวนมาก กำลังจอดรอสัญญาณไฟจราจรบริเวณใต้ทางด่วนถนนเพชรบุรีตัดใหม่

 

    โดยที่ไม่มีใครคาดคิด เวลาประมาณ 22.00 น. ได้มีรถบรรทุกแก๊ส LPG ขับโดยนายสุทัน ฝักแคเล็ก ตะบึงแล่นลงมาจากทางด่วนด้วยความเร็วสูงด้วยหวังจะข้ามให้พ้นจากสัญญาณไฟแดง ทว่ารถเกิดเสียหลักจนพลิกคว่ำและไหลไปกับพื้นด้วยแรงเสียดสีกับพื้นถนน พุ่งเข้าชนตึกแถวเยื้องกับทางลงทางด่วน ซึ่งเป็นหอพักสตรีหญิง ส่งผลให้ถังบรรจุแก๊สรูปแคปซูล 2 ถัง ถังละ 20,000 ลิตร หลุดออกจากตัวรถเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น หลังจากไอความร้อนได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นจนกลายเป็นการเพิ่มแรงอัดของแก๊สภายในตัวถังปรากฏประกายไฟลุกวาบ กลายเป็นไฟบรรลัยกัลป์พุ่งลามตามท้องถนนเผาไหม้อาคารบ้านเรือนแถบนั้นเป็นจุณ

 

 

ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต

 

    ความสูงของทะเลเพลิงเทียบเท่าตึก 3 ชั้น เพียงพอที่จะทำให้ป้ายโฆษณา ตึกแถว อาคารพาณิชย์หอพักสตรี วอดวายพินาศสิ้น บ้านเรือนกว่า 30 คูหา ถูกไฟเผาไหม้จนราพณาสูร ส่วนรถที่จอดอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุจมอยู่ในเปลวเพลิง หลายชีวิตถูกไฟคลอกตายอย่างทรมาน ผู้คนจำนวนมากที่ยังอยู่ในรถต่างพยายามสตาร์ทรถเร่งเครื่องหนีแต่ไม่เป็นผล ออกมาวิ่งหนีตายกันอลหม่านแต่กลับถูกไฟคลอกในทันใดล้มลงดิ้นทุรนทุราย ปรากฏเป็นภาพที่อเนจอนาถยิ่ง

 

 

ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต

    ไฟยังคงไหม้ต่อเนื่องนานนับชั่วโมงเจ้าหน้าที่จากหน่วยกู้ชีพ และตำรวจดับเพลิงพยายามฉีดน้ำสกัดกั้น พยายามควบคุมสถานการณ์อย่างสุดความสามารถ แต่เป็นเรื่องยากยิ่ง เพราะแก๊สได้ฟุ้งกระจายไปในอากาศ อีกทั้งการช่วยเหลือผู้ที่ถูกไฟคลอกนั้นกลายเป็นการเพิ่มความเจ็บปวดและบาดแผลแก่ผู้บาดเจ็บเนื่องจากผิวของร่างกายลอกออกจากความร้อน มีทางเดียวที่จะช่วยได้คือการใช้ผ้าดิบคลุมร่างและนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด ทว่าจากจุดเกิดเหตุนั้นห่างจากรถกู้ภัยประมาณ 200 เมตร

 

 

ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต

 

 

ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต

 

    มีผู้บาดเจ็บจำนวนไม่น้อยที่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตก่อนที่จะถึงมือแพทย์ ในที่สุด เวลา 22.00 น. ในคืนวันอังคารที่ 25 ก.ย. เพลิงก็สงบลง ภายหลังเหตุการณ์สงบ ต่อมา วันที่ 24 ก.ย. 2537 ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษา ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า

 

"เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2533 เวลาประมาณ 22 นาฬิกา นายสุทัน ฝักแคเล็ก ลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุลงจากทางด่วนมาที่ถนนเพชรบุรีด้วยความเร็วเพื่อเร่งให้พ้นสัญญาณ
ไฟจราจรที่กำลังจะเปลี่ยนเป็นสัญญาไฟแดง นายสุทันเลี้ยวรถไปทางด้านขวามุ่งหน้าจะไปสี่แยกมักกะสัน แต่รถยนต์บรรทุกก๊าซคันเกิดเหตุพลิกตะแคงครูดไปกับพื้นถนนจนถึงหน้าอาคารหอพักริมถนนเพชรบุรี ถังบรรจุก๊าซสองถังหลุดออกจากตัวรถ ก๊าซปิโตรเลียมเหลว (แอล.พี.จี.) ที่บรรทุกมารั่วแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้าง แล้วระเบิดเกิดเพลิงลุกไหม้ นายสุทันถึงแก่ความตายในรถ เพลิงลุกลามไหม้บ้านเรือนในชุมชนแออัดซึ่งอยู่ด้านซ้ายของถนนเพชรบุรีเสียหาย ไหม้ตึกแถวด้านซ้ายและขวาของถนนเพชรบุรีจำนวน 51 ห้อง รถยนต์และรถจักรยานยนต์ซึ่งจอดอยู่ในถนนเพชรบุรีตั้งแต่แยกทางด่วนถึงแยกถนนวิทยุเสียหายประมาณ 67 คัน และจากเพลิงไหม้ดังกล่าวเป็นเหตุให้มีบุคคลถึงแก่ความตาย 80 คน ได้รับอันตรายสาหัส 24 คน ได้รับอันตรายแก่กาย 12 คน ค่าเสียหายรวมเป็นเงิน 214,926,282 บาท"

ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต

 

    สืบทราบต่อมาภายหลังว่า รถบรรทุกแก๊สคันดังกล่าว ไม่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้คือ ไม่มีข้อต่อระหว่างถังแก๊สกับตัวรถ ซึ่งข้อต่อดังกล่าวมีประโยชน์ในการยึดติดกับตัวรถ ไม่ให้เคลื่อนตัวหรือหล่นลงมาจนเกิดอันตราย นอกจากนี้ยังไม่มีสายรัดถังแก๊สเหมือนกับที่รถบรรทุกแก๊สทั่วๆ ไปใช้กัน

 

    ประเทศไทยเริ่มมีการใช้แก๊ส LPG เป็นพลังงานทดแทน ตั้งแต่ปี 2513 โดยนิยมใช้ในกลุ่มรถยนต์สาธารณะขนาดใหญ่ แต่ปัจจุบันเริ่มมีการนำมาใช้กับรถยนต์ส่วนบุคคลเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากน้ำมันมีราคาแพงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการสำรวจ ในปี 2553 พบว่า มีผู้ติดตั้งแก๊ส LPG ในรถยนต์จำนวน 660,000 คัน ต่อมาในปี 2557 พบว่าเพิ่มขึ้นเกือบ 1 เท่าตัว หรือกว่า 120,000 คัน โศกนาฏกรรมแห่งความสูญเสียในครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นถึงอุบัติเหตุจากความประมาท บทเรียนประการหนึ่งที่สำคัญคือการเคารพกฏจราจรขับรถอย่างมีสติเพื่อมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยเฉกเช่นในอดีต

 

 

ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต

 

 

ย้อนรอย 28 ปี โศกนาฏกรรม "รถแก๊สระเบิดถนนเพชรบุรีตัดใหม่" ทะเลเพลิงกลางกรุงฯ คร่า 80 ชีวิต